พระเยซูยืนยันว่า การรักษาชายที่ป่วยที่สระเบธซาธาในวันสะบาโต ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงกระทำ (สิ่งดี) อยู่เสมอ และพระองค์ทรงกระทำอย่างที่พระบิดากระทำ (ข้อ 17) นอกจากนี้พระบิดายังอนุญาตพระเยซูในฐานะของพระบุตรทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า การรักษาโรคอีก

Q1  พระเยซูในฐานะของพระบุตร พระองค์ทรงมีสิทธิอำนาจในการกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่องคือ? (ดูข้อ 21, 22, 24, 26, 27, 29 ประกอบ)
Q2  ประโยคที่ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า พระบุตรจะกระทำสิ่งใดตามใจไม่ได้ นอกจากที่ได้เห็นพระบิดาทรงกระทำ เพราะสิ่งใดที่พระบิดาทรงกระทำ สิ่งนั้นพระบุตรจึงทรงกระทำด้วย” ช่วยคุณที่เป็น “คริสเตียน” ในการตัดสินเรื่องราวๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างไร?

เรื่องราวการรักษาโรคของชายที่สระเบธซาธา น่าจะจบด้วยความชื่นชมยินดี ติดอยู่ที่วันที่พระเยซูทรงรักษาโรคเป็นวันสะบาโต ซึ่งเป็นวันที่ห้ามทำงานใดๆ รวมถึงการรักษาโรค ที่สำคัญพระเยซูบอกให้ชายคนนี้แบกแคร่กลับบ้าน (ข้อ 9-10) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนยิวไม่พอใจ และใช้เป็นช่องทางที่จะฆ่าพระองค์

Q1  ในขณะที่พวกยิว มองสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำ (การรักษาโรค) และสิ่งที่ชายผู้ได้รับการรักษาทำ (แบกแคร่กลับบ้าน) เป็นสิ่งที่ผิดกฎที่ต้องปฏิบัติตาม แต่พระเยซูกลับมองเรื่องนี้อย่างไร? (ดูข้อ 14, 17 ประกอบ)
Q2  “อย่าทำบาปอีก” คำพูดประโยคนี้เตือนสติคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมที่มีความผิดบาป และการล่อลวงมากมาย?

เรื่องราวตอนนี้มีบันทึกแค่ในพระธรรมยอห์นไม่มีในพระกิตติคุณเล่มอื่น เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ เพราะเป็นการรักษาโรคแบบที่พระเยซูทรงเป็น “ผู้ริเริ่มในการรักษา” ไม่ใช่แบบที่มีคนเดินทางมาหาพระองค์และขอให้พระองค์ทรงรักษาโรคให้

Q1  พระเยซูทรงมีวิธีการเลือกคนที่จะรักษาอย่างไร? (ดูข้อ 6 ประกอบ) และพระองค์ทรงรักษาเขาอย่างไร? (ดูข้อ 8 ประกอบ)
Q2  ถ้าวันนี้พระเยซูถามคุณว่า “เจ้าปรารถนาจะหายโรคหรือ” คุณมีโรค หรือสิ่งใดในชีวิตที่อยากจะให้พระเยซูทรงรักษาให้หาย / จัดการให้เรียบร้อย?

ในทุกๆ ที่ที่พระเยซูเสด็จไป พระองค์ไม่เพียงแต่จะสั่งสอน และเรียกร้องให้ผู้คนกลับใจเสียใหม่ แต่พระองค์ยังทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญด้วย โดยเฉพาะการรักษาโรค (แต่ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ทรงรักษาโรคทุกคน มีบางคนเท่านั้นที่พระองค์ทรงรักษา)

Q1  พระเยซูทรงรักษาบุตรชายที่ป่วยหนักจนเกือบจะตายของข้าราชการที่เมืองคาเปอรนาอูมอย่างไร? (ดูข้อ 48-50, 53 ประกอบ)
Q2  ความเชื่อของข้าราชการผู้เป็นพ่อ (ข้อ 50) ทำให้เกิดความเชื่อของคนทั้งครอบครัว (ข้อ 53) ความเชื่อที่คุณมี จะมีส่วนทำให้คนในครอบครัวของคุณมีความเชื่อในพระเจ้าได้อย่างไร?

หลังจากที่หญิงชาวสะเรียรู้ว่า พระเยซูคือใคร เธอเข้าไปบอกกับคนที่อยู่ในเมืองที่อาศัยอยู่ ผลคือมีคนเป็นจำนวนมากกลับใจมาเชื่อและไว้วางใจในพระองค์ ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด (ข้อ 39-42) ซึ่งสาวกที่เข้าไปหาอาหารให้พระเยซูในเมืองไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่พระเยซูพูดคุยกับหญิงชาวสะมาเรีย พวกเขาได้เห็นแค่คนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู

Q1  ก่อนที่สาวกจะได้เห็นคนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู (ข้อ 39-42) พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับกระบวนการในการประกาศข่าวประเสริฐ การเก็บเกี่ยว และคนที่จะออกไปประกาศอย่างไร? (ดูข้อ 35-38 ประกอบ)
Q2  “อาหารของเราคือ การกระทำตามพระทัยของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ” จะสำเร็จในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

3125/5031