วันศุกร์ที่ 11 กันยายน ยอห์น 4:43-54 “หมายสำคัญ”
ในทุกๆ ที่ที่พระเยซูเสด็จไป พระองค์ไม่เพียงแต่จะสั่งสอน และเรียกร้องให้ผู้คนกลับใจเสียใหม่ แต่พระองค์ยังทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญด้วย โดยเฉพาะการรักษาโรค (แต่ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ทรงรักษาโรคทุกคน มีบางคนเท่านั้นที่พระองค์ทรงรักษา)
Q1 พระเยซูทรงรักษาบุตรชายที่ป่วยหนักจนเกือบจะตายของข้าราชการที่เมืองคาเปอรนาอูมอย่างไร? (ดูข้อ 48-50, 53 ประกอบ)
Q2 ความเชื่อของข้าราชการผู้เป็นพ่อ (ข้อ 50) ทำให้เกิดความเชื่อของคนทั้งครอบครัว (ข้อ 53) ความเชื่อที่คุณมี จะมีส่วนทำให้คนในครอบครัวของคุณมีความเชื่อในพระเจ้าได้อย่างไร?
วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน ยอห์น 4:27-42 “หญิงชาวสะมาเรีย IV”
หลังจากที่หญิงชาวสะเรียรู้ว่า พระเยซูคือใคร เธอเข้าไปบอกกับคนที่อยู่ในเมืองที่อาศัยอยู่ ผลคือมีคนเป็นจำนวนมากกลับใจมาเชื่อและไว้วางใจในพระองค์ ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด (ข้อ 39-42) ซึ่งสาวกที่เข้าไปหาอาหารให้พระเยซูในเมืองไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่พระเยซูพูดคุยกับหญิงชาวสะมาเรีย พวกเขาได้เห็นแค่คนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู
Q1 ก่อนที่สาวกจะได้เห็นคนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู (ข้อ 39-42) พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับกระบวนการในการประกาศข่าวประเสริฐ การเก็บเกี่ยว และคนที่จะออกไปประกาศอย่างไร? (ดูข้อ 35-38 ประกอบ)
Q2 “อาหารของเราคือ การกระทำตามพระทัยของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ” จะสำเร็จในชีวิตของคุณได้อย่างไร?
วันพุธที่ 9 กันยายน ยอห์น 4:16-26 “หญิงชาวสะมาเรีย III”
นอกจากพระเยซูจะสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของหญิงชาวสะมาเรียแล้ว พระองค์ยังสนใจและตอบข้อสงสัยเกี่ยวชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเธอด้วย โดยเฉพาะการไม่เข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้า และการนมัสการพระเจ้า เพราะเธอคิดว่า คนที่จะนมัสการพระเจ้าได้นั้น จะต้องเป็นคนยิว และต้องนมัสการที่กรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น (ข้อ 19-20)
Q1 พระเยซูทรงสอนถึงความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเชื่อ ท่าที และสถานที่ในการนมัสการพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 22, 23, 24 ประกอบ)
Q2 คุณจะนำหลักการ และท่าทีในการนมัสการพระเจ้าไปใช้ในอย่างไรในชีวิตของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการนมัสการในวันอาทิตย์
วันอังคารที่ 8 กันยายน ยอห์น 4:16-26 “หญิงชาวสะมาเรีย II”
พระเยซูทรงเปลี่ยนเรื่องคุยจากเรื่อง “น้ำธำรงชีวิต” เป็นเรื่อง “ชีวิตของหญิงชาวสะมาเรีย” โดยบอกให้เธอเรียกสามีมาพบ แต่เธอตอบว่า เธอไม่มีสามี ซึ่งพระเยซูก็ตอบว่า เธอพูดจริง จากคำพูดตรงนี้ทำให้มีการคาดเดาว่า หญิงชาวสะมาเรียคนนี้อาจจะมีอาชีพเป็นหญิงโสเภณี
Q1 การที่พระเยซูทรงเปิดเผยให้หญิงชาวสะมาเรียรู้ว่า พระองค์ทรงทราบเรื่องทุกๆ เรื่องในชีวิตของเธอทำให้หญิงคนนี้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพระเยซูในฐานะของ “คนยิวที่คุยกับคนสะมาเรียก่อน” กลายเป็นมองว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด? (ดูข้อ 19, 25, 26 ประกอบ)
Q2 คุณคิดว่า การรู้จักพระเยซูในฐานะใด “คนยิว” “รับบี” (ครู) หรือ “พระคริสต์” มีความแตกต่างกันอย่างไร? และตัวคุณเองรู้จักพระองค์ในฐานะใด?
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน ยอห์น 4:1-15 “หญิงชาวสะมาเรีย I”
เรื่องราวของหญิงชาวสะมาเรีย เป็นเรื่องที่ถูกนำไปเทศนา ไปแบ่งปัน อันดับต้นๆ ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์ เพราะเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ในฝ่ายร่างกาย และความปรารถนาในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการที่พระเยซูเดินทางมา และหยุดพักเหนื่อย หิวน้ำ ส่วนหญิงชาวสะมาเรียออกมาตักน้ำ พระเยซูจึงขอน้ำดื่มจากเธอ
Q1 ในการสนทนาระหว่างพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรีย พระเยซูทรงทำให้หญิงชาวสะมาเรียแปลกประหลาดใจถึง 2 ครั้งด้วยกันคือ? (ดูข้อ 9 และ 10-11 ประกอบ)
Q2 “น้ำธำรงชีวิต” มีลักษณะอย่างไร? (ดูข้อ 13 ประกอบ) น้ำธำรงชีวิตที่คุณมีอยู่ในชีวิตของคุณมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกับที่พระคัมภีร์ได้พูดถึง?