ในทุกๆ ที่ที่พระเยซูเสด็จไป พระองค์ไม่เพียงแต่จะสั่งสอน และเรียกร้องให้ผู้คนกลับใจเสียใหม่ แต่พระองค์ยังทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญด้วย โดยเฉพาะการรักษาโรค (แต่ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ทรงรักษาโรคทุกคน มีบางคนเท่านั้นที่พระองค์ทรงรักษา)

Q1  พระเยซูทรงรักษาบุตรชายที่ป่วยหนักจนเกือบจะตายของข้าราชการที่เมืองคาเปอรนาอูมอย่างไร? (ดูข้อ 48-50, 53 ประกอบ)
Q2  ความเชื่อของข้าราชการผู้เป็นพ่อ (ข้อ 50) ทำให้เกิดความเชื่อของคนทั้งครอบครัว (ข้อ 53) ความเชื่อที่คุณมี จะมีส่วนทำให้คนในครอบครัวของคุณมีความเชื่อในพระเจ้าได้อย่างไร?

หลังจากที่หญิงชาวสะเรียรู้ว่า พระเยซูคือใคร เธอเข้าไปบอกกับคนที่อยู่ในเมืองที่อาศัยอยู่ ผลคือมีคนเป็นจำนวนมากกลับใจมาเชื่อและไว้วางใจในพระองค์ ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด (ข้อ 39-42) ซึ่งสาวกที่เข้าไปหาอาหารให้พระเยซูในเมืองไม่มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่พระเยซูพูดคุยกับหญิงชาวสะมาเรีย พวกเขาได้เห็นแค่คนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู

Q1  ก่อนที่สาวกจะได้เห็นคนเป็นอันมากมาเชื่อและไว้วางใจในพระเยซู (ข้อ 39-42) พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับกระบวนการในการประกาศข่าวประเสริฐ การเก็บเกี่ยว และคนที่จะออกไปประกาศอย่างไร? (ดูข้อ 35-38 ประกอบ)
Q2  “อาหารของเราคือ การกระทำตามพระทัยของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา และทำให้งานของพระองค์สำเร็จ” จะสำเร็จในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

นอกจากพระเยซูจะสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของหญิงชาวสะมาเรียแล้ว พระองค์ยังสนใจและตอบข้อสงสัยเกี่ยวชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเธอด้วย โดยเฉพาะการไม่เข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้า และการนมัสการพระเจ้า เพราะเธอคิดว่า คนที่จะนมัสการพระเจ้าได้นั้น จะต้องเป็นคนยิว และต้องนมัสการที่กรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น (ข้อ 19-20)

Q1  พระเยซูทรงสอนถึงความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความเชื่อ ท่าที และสถานที่ในการนมัสการพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 22, 23, 24 ประกอบ)
Q2  คุณจะนำหลักการ และท่าทีในการนมัสการพระเจ้าไปใช้ในอย่างไรในชีวิตของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการนมัสการในวันอาทิตย์

พระเยซูทรงเปลี่ยนเรื่องคุยจากเรื่อง “น้ำธำรงชีวิต” เป็นเรื่อง “ชีวิตของหญิงชาวสะมาเรีย” โดยบอกให้เธอเรียกสามีมาพบ แต่เธอตอบว่า เธอไม่มีสามี ซึ่งพระเยซูก็ตอบว่า เธอพูดจริง จากคำพูดตรงนี้ทำให้มีการคาดเดาว่า หญิงชาวสะมาเรียคนนี้อาจจะมีอาชีพเป็นหญิงโสเภณี

Q1  การที่พระเยซูทรงเปิดเผยให้หญิงชาวสะมาเรียรู้ว่า พระองค์ทรงทราบเรื่องทุกๆ เรื่องในชีวิตของเธอทำให้หญิงคนนี้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อพระเยซูในฐานะของ “คนยิวที่คุยกับคนสะมาเรียก่อน” กลายเป็นมองว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด? (ดูข้อ 19, 25, 26 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า การรู้จักพระเยซูในฐานะใด “คนยิว” “รับบี” (ครู) หรือ “พระคริสต์” มีความแตกต่างกันอย่างไร? และตัวคุณเองรู้จักพระองค์ในฐานะใด?

เรื่องราวของหญิงชาวสะมาเรีย เป็นเรื่องที่ถูกนำไปเทศนา ไปแบ่งปัน อันดับต้นๆ ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์ เพราะเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก สะท้อนถึงความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ในฝ่ายร่างกาย และความปรารถนาในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการที่พระเยซูเดินทางมา และหยุดพักเหนื่อย หิวน้ำ ส่วนหญิงชาวสะมาเรียออกมาตักน้ำ พระเยซูจึงขอน้ำดื่มจากเธอ

Q1  ในการสนทนาระหว่างพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรีย พระเยซูทรงทำให้หญิงชาวสะมาเรียแปลกประหลาดใจถึง 2 ครั้งด้วยกันคือ? (ดูข้อ 9 และ 10-11 ประกอบ)
Q2  “น้ำธำรงชีวิต” มีลักษณะอย่างไร? (ดูข้อ 13 ประกอบ) น้ำธำรงชีวิตที่คุณมีอยู่ในชีวิตของคุณมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกับที่พระคัมภีร์ได้พูดถึง?

3150/5053