ทุกคนต่างมีวาระสุดท้ายของชีวิต เอลีชาก็เช่นกันในช่วงสุดท้ายท่านล้มป่วยและกำลังจะจากไปอยู่กับพระเจ้า และแน่นอนว่า การจากไปของเอลีชาเป็นสิ่งที่กระทบทุกๆ คน เพราะท่านเป็นเหมือนกับตัวแทนของพระเจ้า ที่คอยดูแลและให้คำแนะนำกับอิสราเอลให้อยู่ในทางของพระเจ้า รวมทั้งเป็นตัวแทนของอิสราเอลที่จะร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในยามที่เดือดร้อน ซึ่งเอลีชาก็ทำหน้าที่ของผู้เผยพระวจนะจนนาทีสุดท้าย

Q1  ด้วยความห่วงใยอิสราเอล เอลีชาได้ทำงานชิ้นสุดท้ายของท่าน ด้วยการร้องทูลขอการช่วยกู้จากพระเจ้าให้อิสราเอลมีชัยชนะเหนือซีเรีย ผ่านการเอาลูกธนูตีพื้นของกษัตริย์เยโฮอาช ซึ่งผลลัพธ์คือ? (ดูข้อ 18-19ประกอบ)
Q2  แม้ว่าเอลีชาจะตายและร่างกายเน่าเปื่อยกลายเป็นกระดูก แต่เมื่อมีโจรกลุ่มหนึ่งโยนศพชายคนหนึ่งลงไปที่อุโมงค์ ทันที่ศพโดนกระดูกของเอลีชา ชายคนนั้นก็มีชีวิตขึ้นมาอีก ชีวิตของคุณจะถ่ายทอดฤทธิ์เดชของพระเจ้า เป็นพระพรและเป็นชีวิตให้กับผู้อื่นเหมือนเอลีชาได้อย่างไร?

กษัตริย์เบนฮาดัดของซีเรียยกกองทัพใหญ่มาล้อมกรุงสะมาเรีย และในเวลานั้นเองก็เกิดการกันดารอาหาร อิสราเอลเหมือนกับเผชิญหน้ากับศึก 2 ด้านพร้อมๆ กัน และเหตุการณ์เลวร้ายจนถึงขนาดว่า แม่สองคนต้องผลัดกันกินลูกของตน และมีปัญหาจนต้องมาฟ้องร้อง เพราะแม่อีกคนเปลี่ยนใจไม่ยอมให้กินลูกของตนเอง แต่พระราชาของอิสราเอลก็ไม่คิดว่า นี่เป็นผลจากความผิดบาปของตน ที่หันหลังให้พระเจ้า และไปนับถือพระบาอัล กลับมาว่า เป็นความผิดของพระเจ้า และตั้งใจจะฆ่าเอลีชา เพื่อจะระบายความแค้น (บทที่ 6:24-33)

Q1  เอลีชาได้บอกถึงการช่วยกู้ที่จะมาจากพระเจ้าเหนือสงครามครั้งนี้อย่างไร? (ดูข้อ 1, 6-7 ประกอบ) และใครเป็นผู้ที่ได้เห็นถึงการช่วยกู้ของพระเจ้า และใครที่ไม่ได้เห็นการช่วยกู้ของพระเจ้า? (ดูข้อ 2, 3-4, 8, 19-20 ประกอบ)
Q2  ชัยชนะเหนือกองทัพซีเรีย และคำพูดของพระเยซูที่ว่า “ถ้าช่วยได้น่ะหรือ ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง” (มาระโก 9:23) ช่วยให้คุณมีกำลังใจที่จะอธิษฐานเผื่อเรื่องบางเรื่องที่ยังไม่ได้รับคำตอบ และรอคอยคำตอบจากพระเจ้าอย่างไร?

พระคัมภีร์บันทึกว่า มีการกันดารอาหารเกิดขึ้นในกิลกาล และมีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกๆ คน รวมถึงผู้เผยพระวจนะ โดยเฉพาะในเมืองกิลกาลซึ่งน่าจะมีโรงเรียนสอนการเป็นผู้เผยพระวจนะอยู่ (ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 2:1 และ 2 พงศ์กษัตริย์ 6:1-7 ประกอบ) เอลีชาบอกให้เกหะซีตั้งหม้อเพื่อต้มข้าวเลี้ยงผู้เผยพระวจนะจำนวน 100 คน (ข้อ 43) และมีผู้เผยพระวจนะบางคนได้ไปเก็บน้ำเต้าป่ามาใส่ในหม้อโดยไม่รู้ว่า น้ำเต้านั้นมีพิษ ในขณะเดียวกันก็มีคนนำขนมปังบารลี 20 ก้อน และข้าวใหม่ ซึ่งไม่น่าจะมาก (จากข้าวหนึ่งฟ่อน ดูเลวีนิติ 23:10 ประกอบ) ซึ่งไม่เพียงพอต่อคน 100 คน

Q1  เอลีชาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับทั้ง 2 ปัญหาอย่างไร ทั้งอาหารที่เป็นพิษในหม้อ และ ขนมปังและข้าวที่คนเอามาให้มีจำนวนน้อยนิด? และผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 41, 43-44 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่เอลีชากระทำ และพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน” สดุดี 23:1 ช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในการดูแลของพระเจ้าอย่างไร?

ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ เรื่องราวของหญิงชาวชูเนม กับเรื่องราวของหญิงชาวศาเรฟัทมีความคล้ายคลึงกันมา เพราะอยู่มาวันหนึ่งลูกของหญิงชาวชูเนมเสียชีวิตกะทันหัน นางจึงนำร่างของลูกชายไปนอนที่ห้องที่สร้างให้เอลีชาพัก ส่วนตัวนางเดินทางไปหาเอลีชาที่ภูเขาคารเมล ทันทีที่เอลีชาเห็นนางก็รู้ว่า มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น โดยท่านได้พูดว่า “เพราะนางมีใจทุกข์หนัก และพระเจ้าทรงซ่อนเรื่องนี้จากฉัน

Q1  ทันทีที่เอลีชารู้ว่า ลูกของหญิงชาวชูเนมเสียชีวิตแล้ว ท่านตอบสนองต่อคำร้องขอของหญิงชาวชูเนม อย่างไร? (ดูข้อ 29, 30, 32-35 ประกอบ)
Q2  จากสิ่งที่เอลีชาได้กระทำ และพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้ลูกา 1:37 เป็นกำลังใจและหนุนใจคุณในการเผชิญหน้ากับปัญหาที่มีอยู่อย่างไร?

พระเจ้าทรงใช้หญิงม่ายชาวศาเรฟัทในการดูแลเอลียาห์ (1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-24) พระองค์ทรงเลี้ยงดูเอลีชาด้วยรูปแบบเดียวกันคือ พระองค์ทรงใช้หญิงชาวชูเนมคนหนึ่ง โดยหญิงคนนี้ได้ทำห้องพัก ซึ่งมีเตียง โต๊ะ เก้าอี้ และตะเกียงไว้สำหรับเอลีชาในเวลาที่ท่านเดินทางผ่านมาที่เมืองชูเนม(ด้วยความเห็นชอบและสนับสนุนจากสามี)

Q1  เอลีชาเห็นถึงความมีน้ำใจของหญิงชาวชูเนม จึงเรียกเกหะซีคนใช้ของท่านมาพูดคุยว่า จะทำอะไรเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของหญิงชาวชูเนม ซึ่งเกหะซีได้แนะนำเอลีชาอย่างไร? และผลเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 14-17 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่หญิงชูเนมทำ เหมือนกับสิ่งที่พระเยซูสอนไว้ในมัทธิว 25:40 ที่ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย” คุณจะนำแบบอย่างจากชีวิตของหญิงชาวชูเนม และคำสอนของพระเยซูไปใช้ในการห่วงใยและดูแลผู้ที่ขัดสน และต้องการความช่วยเหลืออย่างไร?

3210/5030