หลังจากผ่านไป 3 ปี พระเจ้าทรงบอกให้เอลียาห์ไปพบกับกษัตริย์อาหับ และแจ้งข่าวให้ท่านทราบว่า “พระเจ้าจะส่งฝนมาเหนือแผ่นดินอิสราเอลอีกครั้ง” (18:1) ซึ่งทันทีที่กษัตริย์อาหับเห็นเอลียาห์ ก็เรียกท่านว่า “นี่ตัวเจ้าหรือ เจ้าผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล” (18:17) เพราะพยากรณ์ว่า ฝนจะไม่ตก แต่เอลียาห์ทูลตอบไปว่า ท่านไม่ใช่คนที่ทำให้อิสราเอลลำบาก แต่เป็นตัวของกษัตริย์อาหับ และต้นตระกูลของพระองค์ที่ละทิ้งพระเจ้า และไปติดตามพระบาอัลต่างหากที่ทำให้อิสราเอลลำบาก ถ้าไม่เชื่อขอให้มีการพิสูจน์โดยการให้พาผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลทั้ง 450 คน (ที่ร่วมกินอาหารร่วมกับกษัตริย์อาหับและพระราชินีเยเซเบล) มาพบกับเอลียาห์ที่ภูเขาคารเมล

Q1  มีการทำแท่นบูชาพร้อมทั้งวัวที่จะถวายบูชาของแต่ละฝ่าย แต่ไม่ให้จุดไฟ และให้ร้องขอพระที่ตนเชื่อ พระองค์ไหนส่งไฟลงมาก็จะเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่องค์เดียว ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 26-29 , 37-40 ประกอบ)
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า คุณมีอะไรในชีวิตที่เป็นเหมือน “พระบาอัล ที่มาแทนที่ “พระเจ้า” ในชีวิตของคุณหรือไม่? อธิษฐานขอพระเจ้าเสริมกำลังคุณ ที่คุณจะละทิ้ง “พระบาอัล” เหล่านั้น

อยู่ต่อมาลูกชายของหญิงม่าย และล้มป่วยจนเสียชีวิต ทำให้หญิงม่ายคนนี้ตัดพ้อต่อว่า เอลียาห์และพระเจ้าว่า “โอ คนของพระเจ้า เจ้าข้า ฉันมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน ท่านได้มาหาฉัน เพื่อฟื้นให้ทรงระลึกถึงความผิดของฉัน และกระทำให้บุตรของฉันตาย” (ข้อ 18)

Q1  เอลียาห์ตอบสนองต่อคำตัดพ้อต่อว่าของหญิงม่ายอย่างไร? (ดูข้อ 19-21 ประกอบ) และผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 22-24 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หญิงม่ายรู้ว่าเอลียาห์คือ “คนของพระเจ้า” และ “พระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่ปากของท่าน” คุณจะทำให้คนที่อยู่รอบๆ ข้างคุณรู้ได้อย่างไรว่า “คุณคือคนของพระเจ้า” และ “มีพระวจนะของพระเจ้าอยู่ในการดำเนินชีวิตของคุณ” เสมอ?

ท่ามกลางการกันดารอาหารที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีฝนตกในแผ่นดินอิสราเอล พระเจ้าทรงบอกให้เอลียาห์เดินทางจากถิ่นทรุกันดาร เข้าเมืองศาเรฟัท โดยบอกว่า จะมีหญิงม่ายคนหนึ่งคอยดูแลเลี้ยงดูเอลียาห์

Q1  เมื่อเอลียาห์เจอกับหญิงม่ายที่ประตูเมือง ท่านบอกให้หญิงนั้นทำอะไร? (ดูข้อ 10-11 ประกอบ) และผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 12-16 ประกอบ)
Q2  ประโยคที่ว่า “แป้งในหม้อก็ไม่หมด น้ำมันในไหก็ไม่ขาด ตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งตรัสทางเอลียาห์” หนุนใจคุณอย่างไรในการที่จะเชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า/คำสอนในพระคัมภีร์

ใน 1 พงศ์กษัตริย์ 16:29-34 ได้บอกถึงสภาพของชนชาติในอิสราเอลเกี่ยวกับความผิดบาปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอาหับ โดยพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “และอาหับโอรสของอมรีได้กระทำชั่วในสายพระเนตรพระเจ้า มากยิ่งเสียกว่าบรรดาพระราชาที่อยู่ก่อนพระองค์” (ข้อ 30) และยอมสูญเสียบุตรหัวปีในการสร้างรากฐานของเมือง รวมทั้งยอมสูญเสียลูกชายคนเล็กในการตั้งประตูเมือง (ข้อ 34) และนี่เป็นสาเหตุที่ชื่อของเอลียาห์ได้ปรากฏขึ้นใน 1 พงศ์กษัตริย์บทที่ 17

Q1  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เอลียาห์กล้าท้าทายอำนาจของกษัตริย์อาหับ ด้วยการไปบอกว่า “จะไม่มีฝนตกในแผ่นดินอิสราเอลนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป” ? (ดูข้อ 1, 2ก. ประกอบ)
Q2  การที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเอลียาห์ด้วยการให้ “กา” คาบขนมปังและเนื้อมาส่งให้เอลียาห์ทุกวันในตอนเช้า และตอนเย็น ช่วยให้คุณมั่นใจในแผนการของพระเจ้าและการดูแลของพระองค์ในชีวิตของคุณอย่างไร?

12 ถึงแม้ว่าขณะนี้ท่านทั้งหลายควรจะเป็นครูได้แล้ว แต่ท่านก็ต้องให้คนอื่นสอนท่านอีก ในเรื่องหลักธรรมเบื้องต้นแห่งพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายต้องกินน้ำนมไม่ใช่อาหารแข็ง
13
เพราะว่าทุกคนที่ยังกินน้ำนมนั้น ยังไม่เข้าใจในเรื่องความชอบธรรม เพราะเขายังเป็นผู้เยาว์ 14 อาหารแข็งเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกหัดอบรมให้สามารถรู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว

Q1  อ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ 2-3 รอบ ช้าๆ อย่างใคร่ครวญ คำว่า “ครู” “สอน” “อาหารแข็ง” “สำหรับผู้ใหญ่” “ผู้ที่ได้รับการฝึกหัด” เกี่ยวข้องอย่างไรกับการเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้า
Q2  คุณเป็นคริสเตียนมานานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้อาหารที่คุณกินยังเป็น “น้ำนม” หรือ “อาหารแข็ง” ถ้าคุณยังกิน “น้ำนม” อยู่ ถึงเวลาหรือยังที่จะกิน “อาหารแข็ง” ถ้าคุณเริ่มกิน “อาหารแข็ง” แล้ว เมื่อไรที่คุณควรจะเป็น “ครูสอนผู้อื่น”?

3220/5030