พระเยซูถูกจับและถูกตรึงในช่วงเทศกาลขนมปังไร้เชื้อซึ่งเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และวันที่พระเยซูถูกตรึงคือวันก่อนสะบาโต (วันศุกร์) แม้คนยิวจะสนับสนุนให้ตรึงพระเยซู แต่พวกเขาก็ไม่มีความต้องการที่จะให้มีศพแขวนทิ้งไว้ในวันสะบาโต ที่พวกเขาถือว่าเป็นวันบริสุทธิ์

Q1  โยเซฟชาวอาริมาเธีย ก็รู้ถึงความจริงในเรื่องนี้จึงเข้าไปขอปีลาต เพื่อจะนำร่างของพระเยซูไปฝังในอุโมงค์ ปีลาตตอบสนองต่อคำร้องขอของโยเซฟอย่างไร? (ดูข้อ 45-46 ประกอบ)
Q2 โยเซฟไม่เพียงแต่อาศัยความจริงเกี่ยวกับวันสะบาโตเพื่อจะเข้าไปขอปีลาตนำร่างของพระเยซูไปฝังในอุโมงค์เท่านั้น ท่านยังมี “ความเชื่อ” และ “ความกล้า” (ข้อ 41) ที่จะเข้าไปขอด้วย คุณจะเลียนแบบชีวิตแห่งความเชื่อ และความกล้าของโยเซฟอย่างไรในการดำเนินชีวิตติดตามพระเยซู

พระเยซูคริสต์ถูกตรึงอยู่บนกางเขนเป็นเวลา 6 ชั่วโมง (ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง) ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ โดยท้องฟ้าได้มืดครึ้มตั้งแต่เวลาเที่ยง และบรรดาผู้คนที่รักพระเยซูคริสต์ยืนอยู่ในบริเวณนั้น โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิงที่เคยติดตามและปรนนิบัติพระเยซูคริสต์ (ข้อ 41)

Q1  ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะสิ้นพระชนม์มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
Q2  ลองยืนกางแขนสัก 5 นาทีเพื่อจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพื่อจะเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับพระเยซูคริสต์ที่ต้องถูกตรึงบนไม้กางเขนยาวนานถึง 6 ชั่วโมง คุณรู้ไหมว่า พระองค์ทรงยอมทนทุกข์ทรมานขนาดนี้เพื่อคุณ ใช้เวลานี้อธิษฐานสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรอดของคุณที่มีผ่านมาทางพระเยซูคริสต์

หลังจากที่ปีลาตไม่สามารถทักท้วงประชาชนได้ จึงยอมทำตามที่ประชาชนเรียกร้อง สั่งให้นำตัวพระเยซูคริสต์ไปตรึงที่กางเขน ซึ่งเป็นวิธีการสำหรับนักโทษที่ทำผิดร้ายแรง ก่อนที่ทหารจะนำตัวพระเยซูคริสต์ไปตรึงที่ไม้กางเขน พวกเขาล้อเลียนพระเยซูคริสต์ด้วยการทำมงกุฎหนามให้สวมใส่ สวมผ้าคลุมสีม่วง โบยตีพระองค์ แล้วคุกเข่าสรรเสริญ ท้ายสุดได้นำพระเยซูคริสต์ไปตรึงระหว่างนักโทษฉกรรจ์ 2 คน โดยพระเยซูคริสต์ถูกตรึงเมื่อเวลา 9 โมงเช้า แถมพระองค์ยังถูกถากถางด้วยคำพูดมากมายทั้งจากทหาร ประชาชน มหาปุโรหิต ธรรมาจารย์ รวมถึงโจรบนไม้กางเขนด้วย

Q1  คุณคิดว่า ทำไมพระเยซูคริสต์จึงไม่โต้ตอบ หรือแก้ข้อกล่าวหาใดๆ เลย? (ดู 1 เปโตร 2:23-24 ประกอบ)
Q2  “ต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์” (ข้อ 28) ทำให้เรารู้ว่า การตรึงที่กางเขนเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้า พระเจ้าก็มีแผนการสำหรับชีวิตของคุณเช่นกัน คุณคิดว่า พระเจ้าอยากเห็นอะไรสำเร็จในชีวิตของคุณ

มาระโกบทที่ 15 นำเสนอเหตุการณ์ในเช้าอีกวันหนึ่ง หลังจากที่พระเยซูคริสต์ถูกจับ โดยพระเยซูคริสต์ถูกนำมาสอบสวนต่อหน้าปีลาต ซึ่งปีลาตก็รู้สึกประหลาดใจที่คนยิวจับพระเยซูคริสต์มา และอยากที่จะให้ท่านตัดสินใจประหารชีวิต แต่ดูเหมือนว่าปีลาตพยายามที่จะช่วยพระเยซูคริสต์

Q1  ทำไมปีลาตจึงพยายามที่จะช่วยพระเยซูคริสต์? (ดูข้อ 4, 10, 14 ประกอบ)
Q2  สุดท้ายปีลาตก็ทำตามที่ประชาชนต้องการ แทนความถูกต้อง เพียงเพื่อจะ “เอาใจ” ประชาชน (ข้อ 15) ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่พระเยซูเลือกที่จะทำเมื่อพระองค์ต้องอธิษฐานในสวนเกทเสมานีที่ว่า    “อับบาพระบิดาเจ้าข้า พระองค์อาจทรงกระทำสิ่งทั้งปวงได้ ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่ว่าอย่าให้เป็นตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” ทบทวนชีวิตของคุณว่า วันนี้คุณตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณเพื่อ “เอาใจมนุษย์” หรือ ให้เป็นไป “ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

หลังจากเมืองไทระ และเมืองไซดอน พระเยซูคริสต์ทรงกลับมาที่แคว้นกาลิลี เมืองทศบุรี มีคนพาคนที่หูหนวก แต่ยังพูดได้บ้าง (ติดอ่าง) มาให้พระเยซูคริสต์รักษา

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายที่หูหนวกและพูดติดอ่างอย่างไร? (ดูข้อ 33-34 ประกอบ) และผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 35, 37 ประกอบ)
Q2  คำพูดที่ผู้คนกล่าวถึงพระเยซูคริสต์ว่า “พระองค์ทรงกระทำล้วนแต่ดีทั้งนั้น” จะสามารถเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ผ่านคำพูดของคนที่อยู่รอบข้างคุณได้อย่างไร?

3320/5056