โดยปกติการสรรหาผู้นำโดยทั่วๆ ไปมักจะพิจารณาจากบุคลิกภาพ เชื้อชาติ วงศ์ตระกูล ความรู้และความสามารถที่มีในบุคคลนั้นๆ เป็นหลัก รวมทั้งผลประโยชน์หรือความสำเร็จที่คนเป็นผู้นำจะสามารถทำให้เกิดขึ้นจากการเป็นผู้นำ โดยอาจจะไม่สนใจมากนักถึงชีวิตของผู้นำคนนั้นว่าจะดีหรือไม่ดี แต่สำหรับผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ การสรรหาย่อมแตกต่างออกไป

Q1  ในคริสตจักรยุคแรก เมื่อพวกเขาขาดแคลนผู้นำ และต้องการสรรหาผู้นำ พวกเขาพิจารณาจากอะไร? (ดูข้อ 3, 5 ประกอบ)
Q2  เราทุกคนมีสิทธิที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ คุณจะเตรียมตัวอย่างไรสำหรับวันข้างหน้า ถ้าพระเจ้าจะเลือกคุณเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของคริสตจักรพระคุณ

ยากอบและยอห์นซึ่งเป็นหนึ่งในสาวก 12 คน ก็มีความปรารถนาอยากเป็นผู้นำ อยากที่จะมีตำแหน่ง ทั้งคู่เข้ามาหาพระเยซูคริสต์ และร้องขอที่จะนั่งอยู่ข้างขวา และข้างซ้ายมือเมื่อพระเยซูคริสต์ได้เป็นใหญ่ พระเยซูคริสต์จึงสอนเขาให้รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของผู้นำฝ่ายวิญญาณ

Q1  สำหรับพระเยซูคริสต์ ผู้นำฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงต้องมีคุณลักษณะอย่างไร? (ดูข้อ 42-44 ประกอบ)
Q2  จากข้อ 45 คุณจะนำตัวอย่างของพระเยซูคริสต์ในการเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณไปใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

มาระโกได้เริ่มต้นหนังสือของท่านด้วยพันธสัญญาของพระเจ้าที่เป็นจริงในชีวิตของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และพระเยซูคริสต์ โดยมาระโกได้อ้างถึงคำพยากรณ์และพันสัญญาของพระเจ้าในเรื่อง พระผู้ช่วยให้รอดที่อิสยาห์ได้เขียนไว้ว่า

“เราใช้ทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้นั้นจะเตรียมมรรคาของท่านไว้ เสียงผู้ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า
จงเตรียมมรรคาแห่งพระเป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป”

Q1  ชีวิตของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และชีวิตของพระเยซูคริสต์ สำเร็จตามพันธสัญญาของพระเจ้าที่เขียนไว้ข้างต้นอย่างไร? (ดูข้อ 4, 11 ประกอบ)
Q2  การที่คุณรู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรแห่งพันธสัญญา เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า และเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ช่วยให้คุณมีความมั่นใจและแน่ใจในความรอดที่คุณได้รับจากพระเจ้าอย่างไร?

ในสมัยของเยเรมีย์เป็นยุคสมัยที่อาณาจักรยูดาห์เสื่อมทรามอย่างถึงที่สุด กษัตริย์และประชาชนต่างหลงเจิ่นไปจากพระเจ้า แม้ว่าจะมีกษัตริย์บางองค์เป็นกษัตริย์ที่ดี กระทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ พระเจ้ากำลังจะลงโทษยูดาห์ด้วยน้ำมือของกองทัพบาบิโลน ซึ่งเยเรมีย์ต้องร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ เมื่อมองดูอาณาจักรยูดาห์ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา แต่ท่ามกลางความเศร้าโศก เยเรมีย์ก็ยังพูดถึง พันธสัญญาและความหวังในอนาคต

Q1  เยเรมีย์ชี้ให้เห็นถึงพันธสัญญาของพระเจ้าในเรื่องความรักนิรันดร์ของพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 1, 4, 5, 6 ประกอบ – สังเกตคำกิริยา)
Q2  การที่คุณรู้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคุณ และคุณเป็นประชากรของพระเจ้า” เหมือนที่พระเจ้าบอกกับชนชาติอิสราเอลในข้อ 1 หนุนใจคุณอย่างไรในการเชื่อมั่นในพันธสัญญาแห่งความรักของพระเจ้า (อ่านโรม 8:35-39 ประกอบ)

ก่อนที่โยชูวาจะเสียชีวิต ท่านได้เรียกชนชาติอิสราเอลทั้ง 12 เผ่ามารวมตัวกันที่เชเคม และได้กล่าวถึงความดีงามของพระเจ้าที่ทรงนำชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ จนถึงการข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้ามายึดครองแผ่นดินแห่งพันธสัญญา โยชูวาเรียกร้องให้ชนชาติอิสราเอลตัดสินใจกระทำพันธสัญญากับพระเจ้า ที่จะติดตามพระองค์โดยไม่หันไปนมัสการพระอื่น โดยโยชูวายืนยันถึงจุดยืนของตัวท่านว่า “ตัวท่านและครอบครัวของท่าน ทุกคนจะปรนนิบัติพระเจ้า”

Q1  ชนชาติอิสราเอลตอบสนองต่อการเรียกร้องของโยชูวาในการทำพันธสัญญาต่อพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 16-18, 21-22 และ 24 ประกอบ)
Q2  การตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ก็เป็นรูปแบบของการทำพันธสัญญากับพระเจ้ารูปแบบหนึ่ง เป็นการตัดสินใจที่จะติดตามพระเจ้า และไม่หันหลังกลับไปนมัสการพระอื่นๆ คุณยังจำได้ไหมว่า คุณตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อไหร่ ใช้เวลานี้อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าที่คุณยังอยู่ในพันธสัญญาแห่งความรอดที่คุณได้กระทำกับพระองค์

3515/5052