หลังจากที่กษัตริย์โยสิยาห์ใช้เวลาในการกวาดล้างรูปเคารพ และปูชนียสถานต่างๆ ในยูดาห์ และกรุงเยรูซาเล็มถึง 6 ปี เมื่อพระองค์ทรงพระชนมายุได้ 26 พรรษา ได้ทรงเริ่มต้นที่จะซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งพระคัมภีร์บันทึกว่าเป็น “พระนิเวศของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์” (ข้อ 8) กษัตริย์โยสิยาห์ได้มอบหมายให้ชาฟาน มาอาเสอาห์ และโยอาห์ เป็นผู้รับผิดชอบในการบูรณะซ่อมแซมพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งทุกคนที่มีส่วนร่วมในการในการซ่อมแซมอย่างสัตย์ซื่อ (ข้อ 12)

Q1  ชาฟาน มาอาเสอาห์ และโยอาห์ รับผิดชอบจัดการด้วยการทำอะไรบ้าง? (ดูข้อ 9, 10, 11 ประกอบ)
Q2  การซ่อมแซม คือ การนำสิ่งเก่าออก และนำสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่สิ่งเก่า ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการลงทุนทั้งเรื่องความคิด การเงิน และ แรงงาน คุณคิดว่า คุณต้องลงทุนอะไรบ้างในการที่จะพัฒนาและซ่อมแซมชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของคุณที่เสียหายอยู่?

กษัตริย์โยสิยาห์เริ่มครอบครองยูดาห์เมื่ออายุ 8 พรรษา ต่อมาอีก 8 ปี เมื่อพระองค์ทรงพระชนมายุได้ 16 ปี พระคัมภีร์บอกกับเราว่า พระองค์ทรงเริ่มต้นแสวงหาพระเจ้า โดยใช้เวลาแสวงหาพระเจ้าถึง 4 ปี ก่อนที่จะลงมือปฏิรูปในยูดาห์ และกรุงเยรูซาเล็มเมื่อมีพระชนมายุได้ 20 พรรษา

Q1  กษัตริย์โยสิยาห์ทรงปฏิรูป กวาดล้างทั่วทั้งยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มอย่างไรบ้าง? (สังเกตคำกริยา ที่ใช้ในข้อ 3, 4, 5, 7 ประกอบ เช่น กำจัด กวาดล้าง เพื่อจะเข้าใจถึงความรู้สึก และท่าทีภายใน)
Q2  ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า ถึงเวลาหรือยังที่ต้องปฏิรูป (กวาดล้าง กำจัด) บางอย่างออกจากชีวิต เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติจากชีวิตของคุณ

มีคำพังเพยที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ซึ่งมีความหมายว่า ลูกหรือผู้สืบทอด ที่มีความเหมือนทั้งเรื่องดีและร้ายนั้นไม่ต่างจากพ่อแม่ แต่กษัตริย์โยสิยาห์เป็นลูกไม้ที่แตกต่าง เพราะพระองค์ทรงเป็น “ลูกไม้ที่หล่นไกลต้น” เราจะมาดูกันว่า กษัตริย์โยสิยาห์แตกต่างจากพ่อแม่อย่างไร

Q1  กษัตริย์โยสิยาห์ (ลูก) แตกต่างจากกษัตริย์อาโมนผู้เป็นพ่อ และกษัตริย์มนัสเสห์ผู้เป็นปู่อย่างไร โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับพระเจ้า? (ดูข้อ 33:22-23; 34:2 ประกอบ)
Q2  กษัตริย์โยสิยาห์เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตท่ามกลางคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า (ในครอบครัว ในโรงเรียน ในที่ทำงาน)?

7 แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า
ไม่ได้มาจากตัวเราเอง 8 เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว
เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ 9 เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้วแต่ก็ไม่ถึงตาย
10 เราแบกความตายของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย
11 เพราะว่าพวกเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ต้องถูกมอบไว้แก่ความตายอยู่เสมอเพราะเห็นแก่พระเยซู
เพื่อว่าพระชนม์ชีพของพระเยซูจะได้ปรากฏในเนื้อหนังของเรา ซึ่งจะต้องตายนั้น
12 เหตุฉะนั้นความตายจึงกำลังออกฤทธิ์อยู่ในเรา แต่ชีวิตกำลังออกฤทธิ์อยู่ในท่านทั้งหลาย

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ ค่อยๆ ปล่อยให้ความคิดของคุณไหลไปกับพระคำของพระเจ้าที่คุณได้อ่านไป และคิดถึงสิ่งที่คุณเรียนรู้ใคร่ครวญมาตลอดทั้งสัปดาห์นี้
Q2  อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคัมภีร์ตอนนี้ที่คุณได้ใช้เวลามาทั้งสัปดาห์

12 เหตุฉะนั้นความตายจึงกำลังออกฤทธิ์อยู่ในเรา
แต่ชีวิตกำลังออกฤทธิ์อยู่ในท่านทั้งหลาย

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ จนจำเนื้อหาได้ ทำไม “ความตาย” ที่เปาโลกำลังออกฤทธิ์ในชีวิตของท่าน จึงทำให้ “ชีวิต” ออกฤทธิ์ในชีวิตของผู้อื่น?
Q2  พระเยซูคริสต์ยอมตาย เพื่อคุณจะได้รับความรอด เมื่อคุณได้รับความรอดแล้ว คุณได้ยอมเสียสละ(ตายต่อตัวเอง) เพื่อคนอื่นๆ ในด้านใดบ้าง?

3570/5059