แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน
เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า
ไม่ได้มาจากตัวเราเอง
เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว
เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ
เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย
เราแบกความตายของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ
เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย
เพราะว่าพวกเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ต้องถูกมอบไว้แก่ความตายอยู่เสมอ
เพราะเห็นแก่พระเยซู เพื่อว่าพระชนม์ชีพของพระเยซูจะได้ปรากฏในเนื้อหนังของเรา
ซึ่งจะต้องตายนั้น เหตุฉะนั้นความตายจึงกำลังออกฤทธิ์อยู่ในเรา
แต่ชีวิตกำลังออกฤทธิ์อยู่ในท่านทั้งหลาย

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2 -3 รอบ โดยในแต่ละรอบให้หยุดพักโดยหลับตาลงสักครู่ ค่อยๆ ให้พระวจนะของพระเจ้าซึมซับลงไปในใจของเรา
Q2  นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้อ่านพระคัมภีร์แบบใคร่ครวญ อธิษฐานขอพระเจ้าที่จะช่วยให้คุณผ่านการเฝ้าเดี่ยวแบบใคร่ครวญในอาทิตย์นี้ไปได้อย่างมีความชื่นชมยินดี

ในสังคมไทยของเรา คนทำงานจะเกษียณอายุเมื่อ 60 ปี แต่บางแห่งก็ปรับเวลาเกษียณให้เร็วขึ้นคือ 55 ปี และมีบางคนที่ตั้งเป้าว่าจะเกษียณเร็วขึ้น การวางแผนเกษียณอายุก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทำงานจะต้องคิดถึง เพื่อเราจะสามารถวางแผนสำหรับอนาคต และปรับตัวให้พร้อมกับสภาพของชีวิตที่จะเปลี่ยนไป

Q1  คนเลวีเริ่มทำงานในเต็นท์นัดพบตั้งแต่อายุกี่ปี? และเกษียณอายุเมื่ออายุกี่ปี?
Q2  คุณวางแผนจะเกษียณจากการทำงานเมื่ออายุเท่าไร? และคุณวางแผนในการดำเนินชีวิตอย่างไรหลังจากนั้น?

ในสังคมปัจจุบันมีคนไม่น้อยที่ทำงาน 60-70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือมากกว่านั้น โดยคิดว่า การทำงานหนักนั้นแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่ตนเองมี และถ้าไม่มีงานทำจะรู้สึกว่า ตนเองด้อยคุณค่า ถ้าไม่ทำงานเยอะ ก็จะรู้สึกผิดต่อตัวเอง และบริษัท สุดท้ายกลายเป็นคนบ้างาน หรือ เสพติดงาน

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ให้แนวทางในการทำงานอย่างไรบ้าง เพื่อเราจะไม่กลายเป็นคนบ้างาน หรือเสพติดงาน? (สังเกตคำกิริยาต่างๆ)
Q2  ทบทวนการทำงานของคุณว่า มากเกินไปจนทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับคนในครอบครัว หรือทำลายสุขภาพของคุณหรือไม่ อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้าที่คุณจะเรียนรู้จักความพอดี และความเหมาะสมในการทำงาน

ค่าตอบแทนในการทำงาน หรือค่าจ้าง หรือเงินเดือน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะมีผลทั้งต่อนายจ้างซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง และลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ทำงาน ซึ่งค่าตอบแทนจะมีจำนวนสูง หรือน้อยนั้นเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อการทำงาน และความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างด้วย

Q1  จากคำอุปมาเรื่องนี้ เจ้าของสวนใช้วิธีอย่างไรในการจัดการเรื่องค่าตอบแทน? (ดูข้อ 2, 4ข, 13 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็นเจ้านาย / เจ้าของ คุณจะให้ค่าตอบแทนลูกน้อง / ลูกจ้างอย่างเหมาะสมยุติธรรมได้อย่างไร? ถ้าคุณเป็นลูกน้อง / ลูกจ้าง คุณได้ทำงานของคุณสมกับค่าตอบแทนหรือเปล่า หรือคุณคาดหวังว่า จะได้รับค่าจ้างเพิ่มโดยที่ไม่ต้องทำอะไรตอบแทน?

ในทำนองเดียวกัน ก็มีเจ้านายจำนวนไม่น้อยที่มองลูกน้อง / ลูกจ้างเหมือนกับทาส  มองความสัมพันธ์แบบการแลกเปลี่ยน คิดแค่ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ไม่สนใจว่าชีวิตของลูกน้อง / ลูกจ้างจะเป็นอย่างไร มีเจ้านาย / เจ้าของจำนวนมากที่คิดว่า เราจ่ายเงินเขาไปแล้ว ทุกอย่างก็ทำตามข้อตกลง จะมาเรียกร้องอะไรกันอีก

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้สอนท่าทีของเจ้านาย / เจ้าของ ที่ควรมีต่อลูกน้อง / ลูกจ้างอย่างไรบ้าง?
Q2  ถ้าคุณเป็นเจ้านาย / เจ้าของ คุณจะนำหลักการตรงนี้ไปใช้ในชีวิตการทำงานอย่างไร?  ถ้าคุณเป็นลูกน้อง / ลูกจ้าง ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อเจ้านาย / เจ้าของ ของคุณให้มีท่าทีการทำงานเหมือนในพระคัมภีร์

3695/5056