ในข้อ 4 เราเห็นภาพของพระเจ้าในฐานะของ “ผู้เลี้ยงแกะ” ส่วนในข้อ 10 เราเห็นภาพของพระเจ้าในฐานะของ “ผู้พิพากษา” ภาพ 2 ภาพนี้สอนและเตือนสติคุณอย่างไรบ้างในการดำเนินชีวิตคริสเตียนวันนี้

ในข้อที่ 2 หนุนใจให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า เพื่อให้พระองค์สอน และเราจะทำตาม คุณมีท่าทีอย่างไรในการเข้าเฝ้าพระเจ้าทั้งในชีวิตส่วนตัว (การเฝ้าเดี่ยว) และในการมานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ที่คริสตจักร คุณเชื่อหรือไม่ว่า พระเจ้าจะทรงตรัสกับคุณเมื่อคุณได้เข้าเฝ้าพระองค์ทั้งในการเฝ้าเดี่ยว และการนมัสการในวันอาทิตย์? และที่สำคัญคุณพร้อมจะทำตามที่พระเจ้าตรัสมากน้อยแค่ไหน?

ในข้อ 11 ได้บอกกับเราว่า ผูนำของอิสราเอล ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะต่างปรนนิบัติพระเจ้าด้วยท่าทีที่ผิด มองว่า เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่จะได้รับ (สินบน สินจ้าง เงิน) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด เราควรมีท่าทีในการปรนนิบัติรับใช้ที่มาจากความรัก เหมือนข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “จงรัก และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน” (มาระโก 12:30) อธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณปรนนิบัติพระองค์ด้วยความรัก ไม่ใช่ผลประโยชน์

มีคาห์พูดถึง คำสอนผิดที่เกิดขึ้นในเวลานั้น มีการสอนว่า พระเจ้าจะไม่ลงโทษเราหรอก (ข้อ 6) บาปเล็กๆ พระเจ้าไม่ว่าอะไรหรอก (ข้อ 11) ถ้าคุณเป็นผู้นำในคริสตจักร หรือมีบทบาทเป็นผู้สอนในคริสตจักร ขอพระเจ้าช่วยเหลือคุณที่จะไม่ตีความพระคัมภีร์ตามใจตนเอง แต่จะสอนพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมาตามหลักพระคัมภีร์ สำหรับคุณที่เป็นผู้เรียน อธิษฐานเผื่อศิษยาภิบาล อาจารย์ ครูสอนรวีฯ ผู้นำกลุ่มเซลของคุณที่จะสอนในสิ่งที่ถูกต้อง

บทที่ 1 ได้กล่าวถึงความชั่วร้ายของสะมาเรีย ที่ยังคงนมัสการรูปเคารพ และมีรูปเคารพอยู่มากมาย นี่เป็นการทรยศและความผิดบาปของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์ พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย และจะทรงลงโทษและทำลายให้หมดสิ้น ขอให้คุณใคร่ครวญถึงชีวิตของคุณว่า คุณมีรูปเคารพใดบ้างในชีวิตที่คุณให้ความสำคัญมากกว่าพระเจ้า

5/32