ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง นอกจากจะไม่ค้นหาว่าใครเป็นฝ่ายผิดแล้ว ในบางครั้งเป็นการบอกกับตัวเองว่า ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่า เราไม่ได้ลืมจริงๆ แต่การลืมว่าอะไรเกิดขึ้น ในอีกความหมายหนึ่งคือ “การให้อภัย” หรือ “การไม่ยินยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นมีอิทธิพลทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่พอใจ หรือขัดแย้งอีกต่อไป โดยถือว่า คู่ขัดแย้งของคุณไม่เคยทำอะไรผิดต่อคุณเลย”

Q1  เปโตรถามพระเยซูคริสต์ว่า ควรจะให้อภัยพี่น้องสัก 7 ครั้งดีไหม แต่พระเยซูคริสต์ตอบว่า 7 x 70 ครั้ง (490 ครั้ง) ซึ่งแน่นอนว่า พระองค์ไม่ได้บอกให้นับจำนวนครั้ง แต่จากคำอุปมาในข้อ 23-35 ทำให้เรารู้ว่า 7 x 70 ครั้งหมายความว่าอย่างไร? (ดูข้อ 35 ประกอบ)
Q2  “พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง”คำพูดของพระเยซูข้อนี้ ช่วยให้คุณมีชัยชนะเหนือปัญหาความขัดแย้งได้อย่างไร?

เวลาที่มีปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น ปัญหาหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น คือ การมองหา “คนที่ทำผิด” หรือ “คนที่ต้องรับผิด” ในสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะมองที่ “ตัวของปัญหา” และหาทางแก้ปัญหา และสิ่งที่ตามมาเมื่อเรามองที่ “ตัวคน” คือ “การกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่ง”

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้เตือนสติเราว่า ก่อนที่เราจะกล่าวโทษคนอื่น เราควรจะทำสิ่งใดก่อน? (ดูข้อ 4-5 ประกอบ)
Q2  คุณจะนำคำสอนในเรื่องนี้ไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่คุณมีได้อย่างไร?

ในมุมหนึ่งความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะเราแต่ละคนมักจะคิดว่า การหลบหนีหน้า การไม่ยอมเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หรือ การพูดอย่างนุ่มนวล และปกปิดความจริง น่าจะเป็นวิธีการที่นุ่มนวล เรียกว่า บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง

Q1  “จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว” พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง?
Q2  การพูดความจริงไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าเราเรียนรู้ที่จะพูดด้วยความรัก และความห่วงใย คำโกหกอาจจะทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้น แต่เมื่อความจริงปรากฏ ทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าเดิม คิดถึงความขัดแย้งที่คุณมี อธิษฐานของสติปัญญาจากพระเจ้าที่จะแก้ไขด้วยความจริง ที่ประกอบด้วยความรักและห่วงใย

ทะเลสาบกาลิลีเป็นทะเลสาบที่มีภูเขาอยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดพายุใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทุกคนในบริเวณทราบเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี พระเยซูคริสต์ซึ่งทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ได้นอนพักอยู่ท้ายเรือ ในเวลานั้นเองได้เกิดพายุใหญ่เกิดขึ้นและพระคัมภีร์บันทึกว่า จนมีคลื่นใหญ่และน้ำเข้าเรือจนเกือบจะจม

Q1  พวกสาวกพยายามที่จะรักษาเรือไว้ แต่สุดท้ายก็หมดความสามารถต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ? (ดูข้อ 39, 41 ประกอบ)
Q2  คำพูดของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ทำไมเจ้ากลัว เจ้าไม่มีความเชื่อหรือ” หนุนใจคุณอย่างไรในการเผชิญหน้ากับเรื่องราวบางอย่างในชีวิตของคุณที่เปรียบเสมือน “พายุใหญ่” ในเวลานี้

30พระองค์ตรัสอีกว่า “แผ่นดินของพระเจ้า จะเปรียบเหมือนสิ่งใด หรือจะสำแดงด้วยคำอุปมาอย่างไร 31ก็อุปมาเหมือนเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง เวลาเพาะลงในดินนั้น ก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วทั้งแผ่นดิน 32แต่เมื่อเพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่กว่าผักทั้งปวง และแตกกิ่งก้านใหญ่พอให้นกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ในร่มนั้นได้”

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ ค่อยๆ ให้เนื้อหาของพระคัมภีร์ปรากฏเป็นภาพในความคิดของคุณ คำว่า “เมล็ดพืช” “เพาะลงในดิน” “เมล็ดเล็ก” “จำเริญโตกว่าผักทั้งปวง” “แตกกิ่งก้านใหญ่” “ทำรังอาศัยได้” ช่วยให้คุณเห็นถึงกระบวนการเติบโตในความเชื่อของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าอย่างไร?
Q2  คุณจะให้พระธรรม โคโลสี 2:6-7 ที่ว่า “6เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วฉันใด จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ และมั่นคงอยู่ในความเชื่อ ตามที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว และจงบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ”เป็นจริงในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

3355/5062