วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม ยอห์น 12:44-50 “ยอมรับ?”
พระเยซูได้ทรงตรัสถึง “หลักการในการพิพากษา” ที่จะเกิดขึ้นในวันสุดท้ายไว้อย่างน่าสนใจ ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ยืนยันว่า พระองค์มาเพื่อจะช่วยโลกให้รอด ไม่ใช่มาเพื่อพิพากษา ซึ่งสอดคล้องกับพระธรรม 2 เปโตร 3:9 ที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่”
Q1 ประโยคที่ว่า “ได้ยินถ้อยคำของเราและไม่กระทำตาม” และ “ไม่ยอมรับเราและไม่รับคำของเรา” ประโยคไหนที่พระเยซูจะใช้เป็นหลักการในการพิพากษา?
Q2 คุณดำเนินชีวิตเป็นคริสเตียนเป็นสาวกของพระเยซูเพราะคุณ “ยอมรับพระองค์” หรือ “คุณยอมรับในคำสอนของพระองค์”?
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม ยอห์น 12:37-43 “เชื่อและไว้วางใจ”
พระเยซูได้ปลีกตัวออกออกจากฝูงชน เพราะรู้ว่า เวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว (การถูกจับและตรึงที่กางเขน) แต่พระองค์ไม่ได้หยุดที่จะกระทำหมายสำคัญ (การประกาศแผ่นดินของพระเจ้า การรักษาโรค การขับผี และการอัศจรรย์อื่นๆ) แต่ผู้คนก็ยังไม่ได้เชื่อและไว้วางใจในพระองค์
Q1 อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนไม่เชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์? (ดูข้อ 38, 39, 40, 43 ประกอบ)
Q2 อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณเชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ในฐานะของพระผู้ช่วยให้รอด วันนี้คุณยังเชื่อมั่นในเหตุผลที่คุณให้กับตนเองหรือเปล่า?
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม ยอห์น 12:27-36 “ได้รับเกียรติ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่า พระเยซูกำลังจะมาปลดปล่อยพวกเขาจากการตกเป็นเมืองขึ้นของโรม และตั้งอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมาใหม่ พระเยซูกลับพูดมากขึ้นเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่สุดในฐานะของ “ความเป็นมนุษย์” สำหรับพระองค์ ถึงขนาดที่พระองค์เอ่ยปากว่า “ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากการย์แห่งกาลนี้” (ข้อ27)
Q1 อะไรคือ เหตุผลที่พระเยซูยอมเชื่อฟังพระเจ้าพระบิดา โดยยอมตายบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นวิธีการตายที่โหดเหี้ยมและทรมานมากที่สุดในเวลานั้น? (ดูข้อ 28, 32, 36 ประกอบ)
Q2 จากประโยคที่ว่า “เราได้รับเกียรติแล้ว และเราจะให้รับเกียรติอีก” คุณคิดว่าพระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติจากชีวิตของคุณอย่างไร?
วันพุธที่ 14 ตุลาคม ยอห์น 12:12-26 “ใคร่เห็นพระเยซู” & “การเปื่อยเน่า”
พระเยซูเสด็จจากเมืองเบธานีซึ่งอยู่ห่างจากรุงเยรูซาเล็มประมาณ 3 กิโลเมตรเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ทันทีที่ผู้คนรู้ว่า พระเยซูเสด็จมาถึง มีคนให้การต้อนรับพระเยซูอย่างยิ่งใหญ่ โดพระเยซูทรงลูกลา และมีการโห่ร้องโฮซันนา เหมือนกับการต้อนรับกษัตริย์ เรียกว่า ทุกคนอยากที่จะได้เห็นและอยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู ไม่ว่าจะเป็นคนยิว หรือคนต่างชาติ ถึงขนาดที่ว่า มีบางคนใช้วิธีเข้าหาทางสาวกของพระเยซูคือ ฟีลิป เพื่อจะมีโอกาสได้เข้าใกล้พระเยซู(ข้อ 21-22)
Q1 คำว่า “ใคร่เห็นพระเยซู” เกี่ยวข้องอย่างไรกับ คำสอนของพระเยซูใน “เรื่องเมล็ดข้าวที่ต้องตกลงในดินและเปื่อยเน่าไป”?
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า มีสิ่งใดในชีวิตของคุณที่จะต้องทิ้งเสีย / ยอมให้เปื่อยเน่าไป เพื่อคนอื่นจะเห็นพระเยซูในชีวิตของคุณมากขึ้น?
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม ยอห์น 12:1-11 “ลาซารัส VI”
ก่อนจะถึงเทศกาลปัสกา พระเยซูและสาวกพักอยู่ที่บ้านของมารีย์และมารธา ซึ่งลาซารัสก็อาศัยอยู่ที่นั้นด้วย ขณะที่กำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น มารีย์ได้นำเอาน้ำมันหอมนารดา ซึ่งมีราคาแพงมามาชโลมพระบาทของพระเยซู และเธอได้ใช้เส้นผมของเธอเช็ดทำความสะอาด
Q1 พระเยซู และสาวกตอบสนองอย่างไรต่อการกระทำของมารีย์? (ดูข้อ 4-6 เปรียบเทียบกับ 7-8 ประกอบ)
Q2 ในมัทธิว 26:13 ได้บันทึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่มารีย์ทำ โดยพระเยซูได้ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า การซึ่งหญิงนี้ได้กระทำจะเลื่องลือไปเป็นที่ระลึกถึงเขาที่ไหนๆ ที่ข่าวประเสริฐนี้จะประกาศไปทั่วพิภพ” คุณคิดว่า คุณจะทำสิ่งใดบ้างที่จะทำให้เรื่องราวของพระเยซูเป็นที่รู้จักท่ามกลางคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือเพื่อน ๆ ที่ยังไม่รู้จักกับพระเจ้า?