ทิโมธีถือเป็นแบบอย่างในความเชื่อที่ดี และเป็นคนที่เปาโลรักมากคนหนึ่งจนถึงขนาดเรียกทิโมธีว่า “เป็นบุตรแท้ของเราในความเชื่อ” นอกจากนี้ยังเป็นคนที่เปาโลไว้ใจ และส่งไปดูแลพี่น้องที่เมืองเอเฟซัส เพื่อเลี้ยงดูและป้องป้องความเชื่อไม่ให้หลงผิดไปตามคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเปาโลได้บอกว่า สาเหตุที่ทิโมธีมีความเชื่อดีเพราะมีแม่ที่ดี

Q1  คุณคิดว่า คุณแม่ของทิโมธีได้ถ่ายทอดความเชื่อมายังทิโมธีด้วยวิธีการอย่างไร? (ดู 1:5 และ 3:15 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” คุณจะถ่ายทอดความเชื่อของคุณไปยังลูกๆ อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี คุณจะมีส่วนช่วยภรรยาของคุณในการถ่ายทอดความเชื่ออย่างไร? ถ้าคุณเป็นลูก คุณมีท่าที่อย่างไรเมื่อคุณแม่ถ่ายทอดความเชื่อที่ท่านมีให้คุณ? (เบื่อหน่าย / เซ็ง / ดีใจ / ปลาบปลื้มใจ) หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ

เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่เป็นที่รู้จัก แต่มักจะรู้จักในมุมมองของสติปัญญาที่ล้ำเลิศของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ในอีกมุมหนึ่งของเรื่องนี้ที่น่าสนใจคือ มุมมองของแม่ โดยเฉพาะแม่ที่ในพระคัมภีร์ตอนนี้ใช้คำว่า เป็นหญิงแพศยา ซึ่งในความหมายตรงนี้หมายถึง หญิงที่มีอาชีพเป็นโสเภณี แต่ความเป็น “แม่” ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยคำว่า “หญิงแพศยา” หรือ “หญิงโสเภณี”

Q1  หญิงคนที่บุตรยังมีชีวิตอยู่ได้สำแดงความเป็น “แม่” อย่างไร เมื่อได้ยินคำตัดสินของซาโลมอนในข้อ 24-25 และการตัดสินใจนี้ยากหรือง่ายสำหรับเธอ? (ดูข้อ 26 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” สิ่งที่หญิงคนที่บุตรยังมีชีวิตอยู่กระทำ เป็นแบบอย่างและหนุนใจในการเป็นแม่อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี / ลูก หรือคนในครอบครัว ลองคิดดูว่า ภรรยา/คุณแม่ ของคุณ ต้องเสียสละอะไรบ้างในชีวิตของเธอ เพื่อคุณ (ลูก / สามี) จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข และมีความชื่นชมยินดี หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ

พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับนางริสปาห์ เรารู้เพียงแต่ว่า เธอเป็นภรรยาคนหนึ่งของกษัตริย์ซาอูล และเป็นแม่ของลูกชาย 2 คน คือ อารโมนี และ เมฟีโบเชท ซึ่งในเหตุการณ์ตอนนี้คนกิเบโอนได้ร้องขอต่อดาวิดที่จะจัดการกับลูกของซาอูลทั้ง 7 คน เหตุเพราะกษัตริย์ซาอูลเคยคิดที่จะทำลายล้างพวกเขา ซึ่งดาวิดก็อนุญาต โดยแขวนบุตรทั้ง 7 คนไว้บนภูเขา และดูเหมือนว่าไม่มีใครกล้าที่จะไปจัดการกับร่างที่ถูกแขวนอยู่

Q1  นางริสปาห์ได้สำแดงความเป็น “แม่” อย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นต่อลูกของเธอ? (ดูข้อ 10 ประกอบ) และผลลัพธ์ที่เธอได้รับจากการสำแดงความเป็นแม่คือ? (ดูข้อ 11, 13-14 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” สิ่งที่นางริสปาห์กระทำเป็นแบบอย่างและหนุนใจในการเป็นแม่อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี ลูก หรือคนในครอบครัว ลองคิดดูว่า ภรรยา / คุณแม่ ของคุณได้ทำสิ่งใดบ้างเพื่อคุณ แต่คุณไม่เห็น (ไม่เคยสังเกตเห็น) หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ

เราเรียนรู้ถึงท่าทีในการให้ ความสำคัญของการให้ และวิธีการในการให้มาตลอดทั้งสัปดาห์ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ สำหรับการให้คือ “การลงมือปฏิบัติ” ไม่ใช่แค่ความรู้ในสมอง หรือความคิดความรู้ว่า ดี ควรจะทำ (แต่ไม่ทำ)

Q1  ยากอบได้บรรยายถึง “การให้ที่ดีแต่พูด แต่ไม่ทำ” นั้นเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 14, 16 ประกอบ)
Q2  อธิษฐานขอพระเจ้าให้สิ่งที่คุณเรียนรู้มาตลอดทั้งสัปดาห์ จะไม่จบลงที่ คุณรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับการให้ แต่ให้ไม่ได้ แต่ขอพระเจ้าทรงประทานจิตใจแห่งการให้กับคุณ และคุณจะให้ได้ด้วยใจชื่นชมยินดี และผู้รับจะได้รับพรจากการให้ของคุณ

การให้ไม่ได้หมายความว่า ผู้ให้ไม่มีสิทธิปฏิเสธเมื่อมีผู้มาร้องขอ หรือไม่ต้องคิดพิจารณาว่า ผู้รับเป็นใคร และสมควรจะได้รับหรือไม่ ในทางตรงกันข้าม ผู้ให้นอกจากจะมีใจที่ให้ด้วยความเต็มใจแล้ว ยังต้องให้อย่างมีสติปัญญา และไม่เป็นการทำร้ายคนรับจนกลายเป็นคนคอยแต่ร้องขอ รอคอยความช่วยเหลือ และไม่รับผิดชอบชีวิตของตนเอง

Q1  เปาโลได้ให้หลักเกณฑ์สำหรับการปฏิเสธและไม่ให้ (อย่าให้) ความช่วยเหลืออย่างไร? (ดูข้อ 6, 10, 11 ประกอบ)
Q2  คุณจะนำหลักการที่เปาโลแนะนำไปใช้การช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร โดยที่จะยังคงรักษาใจที่อยากจะช่วย อยากจะให้ เหมือนที่เปาโลบอกไว้ในข้อ 13 ว่า “อย่าอ่อนใจที่จะกระทำความดี”

3190/5062