ระหว่างการเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม ขณะที่ผ่านเมืองเยรีโค พระเยซูมีโอกาสได้พบกับบารทิเมอัส ซึ่งเป็นคนตาบอดนั่งขอทานอยู่ระหว่างทาง บารทิเมอัสได้ตะโกนร้องเรียกพระเยซู ให้พระองค์ทรงรักษาเขา แต่ก็มีหลายคนพยายามบอกให้เขาหยุดร้องเรียกพระเยซู แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ บารทิเมอัสกลับยิ่งร้องดังขึ้นอีก จนพระเยซูหยุดและรักษาเขาจนหาย

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้บารทิเมอัสไม่หยุดร้องเรียกพระเยซูให้รักษาตัวเขา? (ดูข้อ 47,48, 51, 52 ประกอบ)
Q2  ถ้าวันนี้ พระเยซูถามคุณว่า “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า” คุณจะตอบพระองค์อย่างไร?

พระเยซูพูดทำนายถึงการตาย และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์เป็นครั้งที่ 3 ในขณะที่กำลังจะเดินทางเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 33) ซึ่งสาวกก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พระเยซูพูด ทุกคนต่างตีความไปเองว่า พระเยซูกำลังปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลจากการเป็นเมืองขึ้นของโรม พระองค์กำลังจะไปกรุงเยรูซาเล็ม การปลดปล่อยกำลังจะเกิดขึ้น พระเยซูกำลังจะเป็นใหญ่ ทำให้ยอห์นและยากอบเข้ามาหาพระเยซูเป็นการส่วนตัว และขอให้พระเยซูแต่งตั้งเขาทั้งสองให้นั่งข้างซ้ายและข้างขวา เมื่อพระเยซูเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ทำให้สาวกคนอื่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก (ข้อ 41)

Q1  พระเยซูทรงตอบสนองต่อคำร้องทูลขอของยอห์นและยากอบอย่างไร? (ดูข้อ 42-45 ประกอบ)
Q2  “เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” นี่คือคำจำกัดความการเป็นใหญ่ของพระเยซู คุณจะนำไปใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

ชีวิตนิรันดร์เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนแสวงหาในทุกยุคทุกสมัย ในยุคของพระเยซูก็เช่นกัน มีเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งที่ทำตามธรรมบัญญัติทุกประการ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะทำให้ตนเองมีชีวิตนิรันดร์หรือไม่ (ข้อ 20) จึงเดินทางมาหาคำตอบกับพระเยซู ซึ่งพระเยซูเองก็รักเศรษฐีหนุ่มคนนี้ (ข้อ 21) จึงบอกไปว่า “ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา” (ข้อ 21) เศรษฐีหนุ่มถึงกลับเดินคอตกจากไป (ข้อ 22)

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐีหนุ่มคนนี้ไม่สามารถติดตามเป็นสาวกของพระเยซูได้? (ดูข้อ 22ข, 23, 24 ประกอบ)
Q2  มีคนเคยบอกไว้ว่า “เราไม่ต้องเสียอะไรเลยในการได้รับชีวิตนิรันดร์ (แค่เชื่อ) แต่เราอาจะต้องยอมสูญเสียทุกสิ่งเพื่อรักษาชีวิตนิรันดร์เอาไว้” ลองคิดดูว่า มีอะไรในชีวิตของคุณบ้างที่คุณอาจจะต้องยอมสูญเสียมันไปเพื่อจะรักษาชีวิตนิรันดร์ รักษาความเชื่อในพระเจ้าเอาไว้? ขอพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” หนุนใจคุณในการดำเนินชีวิตวันนี้

ในสังคมยิว มีการแบ่งชั้นวรรณะกันอย่างชัดเจน คนที่สำคัญและได้รับอภิสิทธิ์มากที่สุดคือ “ผู้ชาย” ผู้หญิงละเด็กถูกปล่อยปะละเลยไม่ได้รับการเอาใจใส่และดูแลเท่าที่ควร และแน่นอนว่า ความคิดนี้เข้ามาในเรื่องของความเชื่อด้วย ผู้นำฝ่ายวิญญาณมีได้แค่ผู้ชายเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงและเด็ก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่มีคนห้ามเด็กเข้ามาหาพระเยซู (ข้อ 13)

Q1  พระเยซูตอบสนองต่อการที่สาวกห้ามไม่ให้เด็กเข้าหาพระองค์อย่างไร? (ดูข้อ 14, 15, 16 สังเกตคำที่แสดงอารมณ์ และคำกริยาประกอบ)
Q2  คิดถึงเด็กในครอบครัวของคุณ (ลูก/หลาน/เหลน) หรือลูกๆ ของคนที่คุณรู้จัก คุณจะมีส่วนนำข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูไปถึงเด็กๆ เหล่านั้นอย่างไร?

พระเยซูถูกท้าทาย และทดสอบจากฟาริสีอีกครั้ง โดยในคราวนี้ฟาริสีนำปัญหาครอบครัวมาทดสอบพระองค์ โดยถามว่า “การที่ผู้ชายจะหย่าภรรยาของตน เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่” (ข้อ 2) ซึ่งตามคำสอนของโมเสส ได้อนุญาตให้ทำการหย่าร้างได้ แต่ต้องทำหนังสือหย่า (ข้อ 3)

Q1  พระเยซูทรงมองเรื่องการหย่าร้างอย่างไร? (ดูข้อ 6-8, 11 ประกอบ)
Q2  มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องรับผลจากการหย่าร้างในสังคมไทย คิดถึงคนที่คุณรู้จักที่กำลังมีปัญหาจะหย่าร้าง หรือถ้ามีใครที่หย่าร้างไปแล้วและกำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ในเรื่องนี้อยู่ (พ่อ /แม่/ ลูก) อธิษฐานฝากพวกเขาไว้กับพระเจ้า

3290/5062