สดุดีบทนี้มีคนเคยพูดว่า เวลาที่เรามีความสุข อ่านสดุดีบทนี้แล้ว เราอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเราอ่านสดุดีบทนี้ในยามที่เรายากลำบาก เราอาจจะไม่อยากละสายตาจากสดุดีบทนี้เลย

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ หลับตาและค่อยๆ คิดถึงความหมายของแต่ละข้อ
Q2  อธิษฐานตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับคุณผ่านพระคัมภีร์ที่อ่านไป

เปาโลผู้มีประสบการณ์โดยตรงกับพระเยซูคริสต์ ผู้เขียนพระคัมภีร์หลายเล่มด้วยกัน ผู้เป็นสาวกที่เข้มแข็งในความเชื่อ แต่ท่านเองก็ยังยอมรับและชี้ให้เห็นว่า ในความเป็นมนุษย์นั้นเราทุกคนยังได้รับอิทธิพลของความผิดบาปอยู่ เปาโลเองก็ผิดพลาดได้ และท่านเองก็ทำผิดบาปเช่นกัน

Q1  เมื่อความชั่วผุดขึ้นมาในชีวิตของเปาโล ท่านได้ใช้สิ่งใดในการหยุดที่จะไม่กระทำความชั่วนั้น? (ดูข้อ 22, 25 ประกอบ)
Q2  การเป็นสาวกที่ดีไม่ได้หมายถึง ไม่กระทำความผิดบาปเลย แต่การเป็นสาวกที่ดีคือ มีการสำนึกผิด หันจากความผิด และกลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า คุณเป็นสาวกแบบไหน?

เปาโลนับว่าเป็นสาวกคนหนึ่งที่มีได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากพระเจ้า เปาโลมีประสบการณ์โดยตรงกับพระเยซูคริสต์ผ่านการทรงเรียกในขณะที่เขาเดินทางไปดามัสกัสเพื่อจะจับพี่น้อง
คริสเตียนมาขังที่กรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูทรงทำให้เปาโลตาบอด ก่อนที่จะส่งอานาเนียมาอธิษฐานเผื่อและให้บัพติสมา ประสบการณ์ครั้งนั้นมีคำถาม-คำตอบที่น่าสนใจสำหรับเราที่เป็นสาวก โดยคำถามเป็นของเปาโล ส่วนคำตอบเป็นของอานาเนีย

Q1  คำถามของเปาโล (ข้อ 5) และคำตอบของอานาเนีย (ข้อ 10) คือ?
Q2  คุณจะนำคำถามของเปาโล และคำตอบของอานาเนียมาประยุกต์ใช้ในการเป็นสาวก ในการเฝ้าเดี่ยวในแต่ละวันของคุณกับพระเจ้าอย่างไร?

ในสภาพของสังคมปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่ไร้พรหมแดน การสื่อสาร ค่านิยมต่างๆ ส่งต่อถึงกันอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนสนใจแต่สิ่งใหม่ๆ จนดูเหมือนว่า สังคมปัจจุบันไม่มีราก ไม่มีหลักของความจริงเป็นที่ยึดเหนี่ยว และแน่นอนว่าเราที่เป็นสาวกก็หนีไม่พ้นกระแสของสังคมที่โหมเข้ามาจนเรากลายเป็นสาวกที่ไร้ราก ไร้ความจริงไปด้วย

Q1  อะไรคือรากฐานที่สำคัญสำหรับการเป็น “สาวก” ที่เปาโลแนะนำไว้ในพระคัมภีร์ตอนนี้? (ดูข้อ 11, 18,19, 23 ประกอบ)
Q2  ลองทบทวนดูว่า คุณเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์มานานแค่ไหนแล้ว? คุณได้วางรากฐานการเป็นสาวกในชีวิตของคุณอย่างไร?

สาวกในปัจจุบันจำนวนมากที่ทำตัวเปรียบเหมือนผู้ชมบนอัฒจันทร์ แต่พอถึงเวลาที่จะให้รับใช้แม้จะเป็นงานง่ายๆ เช่น แจกใบปลิว แบ่งปันคำพยาน นำอธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ สาวกเหล่านี้มักจะปฏิเสธและพูดว่า ฉันไม่โตพอที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้หรอก ฉันยังไม่สมบูรณ์ ให้คนอื่นที่เป็นคริสเตียนที่โตแล้ว สมบูรณ์แล้ว ทำดีกว่า วันนี้เราจะมาดูชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยแถมยังเป็นทาส แต่เธอเป็นสาวกที่รับใช้แม้ไม่สมบูรณ์

Q1  คุณคิดว่า อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้เด็กหญิงคนนี้กล้าพูดว่า นาอามานให้หายจากโรคเรื้อนถ้าอยู่แผ่นดินเกิดของเธอ? (พิจารณาคำว่า “ผู้เผยพระวจนะในข้อ 3 และอ่าน 2 พงศ์กษัตริย์ 4:38-44 ประกอบ)
Q2  คุณจะเลียนแบบเด็กหญิงคนนี้ในการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ท่ามกลางครอบครัว / โรงเรียน / ที่ทำงาน / ในสังคมที่คุณอยู่อย่างไร?

4015/5082