พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บันทึกเหตุการณ์ที่อาจจะดูเหมือนเข้าใจยาก เพราะพระเยซูก็สาปต้นมะเดื่อที่ไม่มีผล แต่ถ้าเราอ่านในมัทธิว 21:18-19 เราจะพบว่า พระเยซูทรงหิวและคาดหวังว่า จะได้กินผลจากต้นมะเดื่อนี้ แน่นอนว่า ยังไม่ถึงฤดูผลมะเดื่อ แต่โดยทั่วไปแล้ว ต้นมะเดื่อจะเกิดผลตลอดทั้งปี เพียงแต่ไม่ได้มีมากเหมือนฤดูของมัน แน่นอนว่า ไม่มีสาวกคนใดเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น (ข้อ 12-14) จนต้องรออีกเช้าหนึ่งเมื่อสาวกเห็นว่า ต้นมะเดื่อต้นนี้ตาย จึงกล้าถามพระเยซูว่า มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร

Q1  พระเยซูตอบคำถามของสาวก พร้อมทั้งใช้เป็นคำสอนฝ่ายจิตวิญญาณในเรื่องใด? (ดูข้อ 22-26 ประกอบ)
Q2 คำพูดของพระเยซูที่ว่า “เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น” จะช่วยให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับคำอธิษฐานที่คุณอธิษฐานมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่ได้รับคำตอบเสียทีอย่างไร?

พระเยซูเสด็จถึงเมืองเบธฟายี และเบธานีเชิงภูเขามะกอกเทศ ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ก่อนจะสั่งให้สาวกเข้าไปในหมู่บ้าน พร้อมทั้งบอกวิธีการที่จะนำลูกลามาให้พระองค์ขี่เข้ากรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งสาวกก็เข้าไปในเมืองและพบกับลูกลาเหมือนที่พระเยซูบอกทุกอย่างทุกประการ

Q1  ประชาชนตอบสนองอย่างไรต่อการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซู? (ดูข้อ 7-10)
Q2  คุณจะนำท่าทีในการแสดงความชื่นชมยินดีของประชาชนที่มีต่อพระเยซูมาใช้ในการนมัสการสรรเสริญพระเจ้าในชีวิตของคุณอย่างไร? (ทั้งในวันอาทิตย์ และการนมัสการส่วนตัวที่บ้าน)

ระหว่างการเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็ม ขณะที่ผ่านเมืองเยรีโค พระเยซูมีโอกาสได้พบกับบารทิเมอัส ซึ่งเป็นคนตาบอดนั่งขอทานอยู่ระหว่างทาง บารทิเมอัสได้ตะโกนร้องเรียกพระเยซู ให้พระองค์ทรงรักษาเขา แต่ก็มีหลายคนพยายามบอกให้เขาหยุดร้องเรียกพระเยซู แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ บารทิเมอัสกลับยิ่งร้องดังขึ้นอีก จนพระเยซูหยุดและรักษาเขาจนหาย

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้บารทิเมอัสไม่หยุดร้องเรียกพระเยซูให้รักษาตัวเขา? (ดูข้อ 47,48, 51, 52 ประกอบ)
Q2  ถ้าวันนี้ พระเยซูถามคุณว่า “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า” คุณจะตอบพระองค์อย่างไร?

พระเยซูพูดทำนายถึงการตาย และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระองค์เป็นครั้งที่ 3 ในขณะที่กำลังจะเดินทางเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 33) ซึ่งสาวกก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พระเยซูพูด ทุกคนต่างตีความไปเองว่า พระเยซูกำลังปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลจากการเป็นเมืองขึ้นของโรม พระองค์กำลังจะไปกรุงเยรูซาเล็ม การปลดปล่อยกำลังจะเกิดขึ้น พระเยซูกำลังจะเป็นใหญ่ ทำให้ยอห์นและยากอบเข้ามาหาพระเยซูเป็นการส่วนตัว และขอให้พระเยซูแต่งตั้งเขาทั้งสองให้นั่งข้างซ้ายและข้างขวา เมื่อพระเยซูเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของอิสราเอล ทำให้สาวกคนอื่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก (ข้อ 41)

Q1  พระเยซูทรงตอบสนองต่อคำร้องทูลขอของยอห์นและยากอบอย่างไร? (ดูข้อ 42-45 ประกอบ)
Q2  “เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” นี่คือคำจำกัดความการเป็นใหญ่ของพระเยซู คุณจะนำไปใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

ชีวิตนิรันดร์เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนแสวงหาในทุกยุคทุกสมัย ในยุคของพระเยซูก็เช่นกัน มีเศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งที่ทำตามธรรมบัญญัติทุกประการ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะทำให้ตนเองมีชีวิตนิรันดร์หรือไม่ (ข้อ 20) จึงเดินทางมาหาคำตอบกับพระเยซู ซึ่งพระเยซูเองก็รักเศรษฐีหนุ่มคนนี้ (ข้อ 21) จึงบอกไปว่า “ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา” (ข้อ 21) เศรษฐีหนุ่มถึงกลับเดินคอตกจากไป (ข้อ 22)

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐีหนุ่มคนนี้ไม่สามารถติดตามเป็นสาวกของพระเยซูได้? (ดูข้อ 22ข, 23, 24 ประกอบ)
Q2  มีคนเคยบอกไว้ว่า “เราไม่ต้องเสียอะไรเลยในการได้รับชีวิตนิรันดร์ (แค่เชื่อ) แต่เราอาจะต้องยอมสูญเสียทุกสิ่งเพื่อรักษาชีวิตนิรันดร์เอาไว้” ลองคิดดูว่า มีอะไรในชีวิตของคุณบ้างที่คุณอาจจะต้องยอมสูญเสียมันไปเพื่อจะรักษาชีวิตนิรันดร์ รักษาความเชื่อในพระเจ้าเอาไว้? ขอพระวจนะของพระเจ้าที่ว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่ไม่เหลือกำลังของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” หนุนใจคุณในการดำเนินชีวิตวันนี้

3285/5059