ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน
ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา

Q1 คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า จะรู้และทราบได้อย่างไรว่า เราเป็นคนที่มีความเชื่อ เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ แม้เราจะไม่มีโอกาสได้พูดว่า “ฉันเป็นคริสเตียน”?
Q2 พระคัมภีร์ข้อนี้จะเป็นจริงในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี   เอสรา 9-10  กิจการ 1

แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า
ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป

Q1 พระคัมภีร์ตอนนี้เตือนสติเกี่ยวกับ “ชีวิต” “ความตาย” และ “วันเวลา” อย่างไร?
Q2 ถ้าแบ่งช่วงชีวิตออกเป็น 4 ช่วง ช่วงละ 20 ปี

ตอนนี้ชีวิตของคุณอยู่ตรงไหน คุณมีเวลาเหลืออีกเท่าไร? คุณจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่วันนี้อย่างไร ก่อนที่หมอกชีวิตจะจางหายไป?

อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี   เอสรา 6-8    ยอห์น 21

“เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย”

Q1 ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยไม่ใช่ความผิดบาป แต่ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยอาจจะทำให้ใจของเราอยู่ “ห่างไกล”จากองค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร?
Q2 วันนี้จิตใจของคุณจดจ่อที่ “ทรัพย์สมบัติ / ความร่ำรวยในโลกนี้” หรือ “ทรัพย์สมบัติ / ความร่ำรวยในแผ่นดินสวรรค์”?

อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี   เอสรา 3-5    ยอห์น 20

องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์
ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้
เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน
พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย
แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่

Q1 อะไรคือ “เป้าหมาย” ของพระเจ้าพระบิดา ในการส่งพระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์?
Q2 คุณจะมีส่วนทำให้ “เป้าหมาย” ขอพระเจ้าสำเร็จได้อย่างไร?

อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี   เอสรา 1-2     ยอห์น 19:23-42

เพราะเอโนคมีความเชื่อ ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงรับท่านขึ้นไป
เพื่อไม่ให้ท่านประสบกับความตาย
ไม่มีผู้ใดพบท่าน เพราะพระเจ้าทรงรับท่านไปแล้ว
ก่อนที่ทรงรับท่านขึ้นไปนั้น มีผู้เป็นพยานว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า

Q1 อะไรคือ “ผลลัพธ์” ที่เอโนคได้รับจากการดำเนินชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า?
Q2 คุณจะดำเนินชีวิต ให้เป็นที่ “พอพระทัยพระเจ้า” เหมือนกับเอโนคได้อย่างไร?

อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี   2 พงศาวดาร 34-36     ยอห์น 19:1-22