หลังจากที่พระเยซูพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวของพระองค์กับพระบิดา และภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา พระองค์เริ่มที่จะพูดถึงสาวกของพระองค์ โดยพระเยซูยืนยัน สาวกและผู้ที่เชื่อทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าพระบิดาเป็นผู้เลือกและประทานมาให้พระองค์คอยดู และเป็นการดีที่พระองค์จะอธิษฐานคนเหล่านี้ (ข้อ 6-9)

Q1  พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อสาวกของพระองค์อย่างน้อยใน 6 ประการคือ? (ดูข้อ 11, 12, 15, 17, 18, 19 ประกอบ)
Q2  คำอธิษฐานของพระเยซูที่ว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ ให้พ้นจากมารร้าย” สะท้อนให้ถึงอันตราย และการระมัดระวังตัวในการดำเนินชีวิตในฐานะของคริสเตียนอย่างไร?

ยอห์นบทที่ 17 เป็นพระคัมภีร์ที่บันทึกคำอธิษฐานของพระเยซูที่มีต่อสาวกที่พระองค์ทรงรักพวกเขาอย่างถึงที่สุด คำอธิษฐานของพระเยซูทำให้เห็นถึงความรัก ความห่วงใยที่พระองค์มีต่อเหล่าสาวกของพระองค์ รวมถึงคนที่จะมาเชื่อพระองค์ในอนาคตด้วย (ข้อ 20) โดยพระเยซูได้เริ่มต้นคำอธิษฐานด้วยการพูดถึงความสัมพันธ์ และภารกิจที่พระองค์ได้รับมอบหมายจากพระบิดา

Q1  คำว่า “พระบิดาเจ้าข้า” “พระบุตร” “ถวายเกียรติ” “ชีวิตนิรันดร์” “รู้จัก” “พระเจ้าเที่ยงแท้” และ “สำเร็จแล้ว” คำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์ กับพระบิดา และภารกิจที่ได้รับมาจากพระบิดาอย่างไร?
Q2  “ข้าพระองค์ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ในโลก” คำพูดของพระเยซูประโยคนี้จะเป็นจะเป็นจริงในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

พระเยซูได้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า พระองค์ทรงเป็นพระมาซีฮา เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงถูกส่งลงมาโดยพระเจ้าพระบิดา และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะต้องกลับไปหาพระบิดา ซึ่งเหล่าสาวกต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขารู้ และเชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นผู้ที่มาจากพระเจ้าพระบิดา (ข้อ 32)

Q1  พระเยซูทรงตอบสนองอย่างไรต่อคำยืนยันของเหล่าสาวกที่บอกว่า พวกเขารู้และมีความเชื่อในตัวของพระเยซู? (ดูข้อ 31-32 ประกอบ)
Q2  ความรู้กับความเชื่อนั้นแตกต่างกัน เพราะความรู้เป็นข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในหัวสมอง แต่ความเชื่อเป็นความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ และเป็นความมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่เห็นนั้นมีจริง คุณดำเนินชีวิตด้วย “ความรู้” หรือ“ความเชื่อ”?

พระเยซูคริสต์ทรงเข้าใจถึง ความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นกับเหล่าสาวก เมื่อถึงวันที่พระองค์ต้องจากโลกนี้ไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์ และพวกเขาต้องอยู่ในโลกนี้เพื่อทำพันธกิจที่พระองค์จะมอบหมายให้พวกเขา รวมถึงการรอคอยวันที่พระเยซูกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเหล่าสาวกเองก็ไม่เข้าใจว่า “อีกหน่อยจะได้เจอกับพระเยซูอีก” หมายความว่าอย่างไร จนต้องขอให้พระเยซูอธิบายว่า “อีกหน่อย” หมายความว่าอย่างไร?

Q1  พระเยซูทรงอธิบายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และข้อควรระวังในการรอคอยจนกว่าจะได้เจอกับพระองค์อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “อีกหน่อย” อย่างไร? (ดูข้อ 20, 21, 22, 23, 24 ประกอบ)
Q2  คำพูดของพระเยซูที่ว่า “แม้จนบัดนี้ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิดแล้วจะได้ เพื่อความชื่นชมยินดีของท่านจะมีเต็มเปี่ยม” (ข้อ 24) หนุนใจคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตรอคอยการกลับมาของพระเยซูในช่วงเวลาที่เรียกว่า “อีกหน่อย”?

13 นี่แน่ะท่านที่พูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้น
และจะอยู่ที่นั่นปีหนึ่ง และจะค้าขายได้กำไร”
14 แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่า
ท่านก็เป็นเช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป
15 แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่า
“ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่ และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น”
16 ตามความจริงท่านทั้งหลายโอ้อวดด้วยความทะนงตน การโอ้อวดทุกอย่างเช่นนี้เป็นความชั่ว
17 เหตุฉะนั้นผู้ใดรู้ว่าอะไรเป็นความดีและไม่ได้กระทำ คนนั้นจึงมีบาป

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ทั้งหมดอีกครั้ง 2-3 รอบช้าๆ และลองทบทวนดูว่า มีบทเรียนอะไรบ้างที่พระเจ้าสอนคุณตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลองเขียนออกมาเป็นข้อๆ
Q2  อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคัมภีร์ตอนนี้ และพระพรที่คุณได้รับตลอดสัปดาห์

3095/5066