การให้เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการทำดี เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังประสบกับปัญหา หรือเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต ซึ่งพระคัมภีร์เองก็หนุนใจเราที่เป็นคริสเตียนให้ทำดีเสมอๆ และยิ่งต้องทำเมื่อการให้หรือการช่วยเหลือนั้น เป็นการกระทำกับคนในครอบครัว คนที่มีความเชื่อในพระเจ้าเหมือนกัน เหมือนที่กาลาเทีย 6:10 กล่าวไว้ว่า “เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ”

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับ “การให้” ความช่วยเหลือคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันอย่างไร? (ดูข้อ 7ข, 9ก, 10ก, 11 ประกอบ – สังเกตคำที่เกี่ยวข้องกับ “ใจ”)
Q2  อธิษฐานขอพระเจ้าทรงประทาน “ใจของผู้ให้” กับคุณ และคุณจะสามารถจะเป็นผู้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ เริ่มจากการให้คนในครอบครัวของคุณ และให้คนที่อยู่รอบๆ คุณ

27อย่ายึดความดีไว้จากผู้ที่สมควรจะได้รับ ในเมื่อสิ่งนี้อยู่ในอำนาจของเจ้าที่จะกระทำได้
28อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า “ไปเถอะ แล้วกลับมาอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้” ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ อย่างใคร่ครวญ คำว่า “อย่ายึด…ไว้” “ผู้ที่สมควรได้รับ” “อยู่ในอำนาจ” “กระทำได้” “และ “มีให้อยู่แล้ว” สอนอะไรเกี่ยวกับท่าทีของการให้บ้าง?
Q2  แน่นอนว่า ในสังคม ในคริสตจักรมีบุคคลมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะได้รับความความช่วยเหลือ สำหรับคุณ ใครคือ “ผู้ที่สมควรจะได้รับ” การช่วยเหลือ หรือ การให้จากคุณ?

9 “เมื่อเจ้าทั้งหลายเกี่ยวข้าวในนา อย่าเกี่ยวเก็บข้าวที่ขอบนาให้หมด เมื่อเกี่ยวแล้วก็อย่าเก็บข้าวที่ตก
10 อย่าเก็บผลที่สวนองุ่นให้หมด เจ้าอย่าเก็บองุ่นที่ตกในสวนของเจ้า
จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ อย่างใคร่ครวญ คำว่า “อย่าเกี่ยว…ให้หมด” “อย่าเก็บข้าว/องุ่นที่ตก” “เหลือไว้..บ้าง” และ “เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า” สอนอะไรเกี่ยวกับท่าทีของการให้บ้าง?
Q2  คิดถึงสิ่งของที่คุณมีและเก็บไว้ในตู้ โดยที่คุณไม่ได้ใช้ หรือไม่ค่อยได้ใช้ อย่าเก็บสิ่งของเหล่านั้นไว้จนกระทั่งเสียใช้การไม่ได้ ลองคิดถึงคนที่คุณรู้จัก และมีความจำเป็น มีความต้องการสิ่งของเหล่านั้น จงนำสิ่งของเหล่านั้นไปให้กับพวกเขา

ในหลายๆ ครั้งเวลาที่เราจะ “ให้” ความช่วยเหลือ / สิ่งของแก่ผู้อื่น เรามักจะติดขัดอยู่ตรงที่ว่า เรามีไม่เพียงพอ หรือ เรายังรู้สึกเสียดายที่จะให้สิ่งของที่จะให้ออกไป ซึ่งเปาโลก็รู้ถึงความจำกัดนี้ ท่านก็ต้องทำงานเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง แต่ท่านก็ยังเป็นแบบอย่างของการให้ และเรียกร้องให้ผู้อื่นทำเหมือนท่านด้วย (ข้อ 35)

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เปาโลสามารถเป็นแบบอย่างในการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น? (ดูข้อ 24, 35ข ประกอบ)
Q2  คุณจะทำให้คำสอนของพระเยซูที่ว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ” เกิดขึ้นในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

ในพระคัมภีร์ตอนนี้พระเยซูได้ยกตัวอย่างของการปฏิบัติต่อศัตรู โดยให้ทำดี อวยพร และไม่ทำร้ายกลับไป รวมทั้งไม่คาดหวังถึงสิ่งที่จะได้รับกลับมาด้วย ซึ่งในแง่มุมหนึ่งก็เป็นการสอนเกี่ยวกับ “การให้” ด้วยเช่นเดียวกัน

Q1  พระเยซูได้ให้หลักการอย่างน้อย 2 ประการเกี่ยวกับท่าทีในการให้คือ? (ดูข้อ 31, 36 ประกอบ)
Q2  ในฐานะที่คุณเป็น “บุตรของพระเจ้า” (ข้อ 35) คุณจะมีท่าทีในการให้เหมือนกับพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาได้อย่างไร?

3625/5492