ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเกิดในครอบครัวคริสเตียน หรือการได้ไปโบสถ์ ไปร่วมกิจกรรมของคริสเตียน แต่ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์เริ่มต้นจากการที่สำนึกได้ว่า ตนเองนั้นเป็นคนบาป และรู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เดียวที่สามารถยกโทษความผิดบาป และเปลี่ยนแปลงชีวิตให้กลายเป็นคนใหม่ได้ ซึ่งชีวิตของผู้หญิงเคยชั่วคนหนึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้

Q1  พระเยซูทรงเปรียบเทียบการกระทำของซีโมนเจ้าของบ้านกับหญิงเคยชั่วว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 44-46 ประกอบ)
Q2  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้การกระทำของซีโมนเจ้าของบ้านกับหญิงคยชั่วจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง? (ดูข้อ 42-43, 47,50 ประกอบ) คุณเรียนรู้อะไรบ้างจากชีวิตของหญิงเคยชั่ว ที่จะสามารถนำไปใช้ในดำเนินชีวิตติดตามพระคริสต์

เรื่องราวของโยบที่เราดูไปเมื่อวานนี้สะท้อนให้เห็นอีกหนึ่งลักษณะของมารซาตานคือ เป็นผู้กล่าวโทษ มันกล่าวโทษต่อหน้าของพระเจ้า ไม่เพียงแต่เท่านั้นมันทำให้เพื่อนๆ ของโยบกล่าวโทษตัวของโยบด้วยว่า ทำผิดบาป และไม่ยอมรับผิด มารซาตานรู้ว่า การถูกกล่าวโทษจะนำมาซึ่งความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และสูญเสียความมั่นใจทั้งกับตัวเอง และกับพระเจ้า จนหลายครั้งเราอาจจะพูดกับตัวเอง ฉันนี่แย่มากเลย พระเจ้าก็ไม่เคยห่วงใยฉัน เป็นต้น

Q1  จากพระคัมภีร์ตอนนี้ช่วยชี้ให้เราเห็นว่า มารซาตานใช้เวลาในการกล่าวโทษเราที่เป็นผู้เชื่อในพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน? (ดูข้อ 10 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณกำลังกล่าวโทษตัวเอง หรือกล่าวโทษพระเจ้าอยู่ในเวลานี้ คุณจะมีชัยชนะเหนือคำกล่าวโทษเหล่านั้นได้อย่างไร? (ดูข้อ 11 และ 1 ยอห์น 1:9 ประกอบ)

ถ้าหากมารซาตานไม่สามารถที่จะล่อลวงให้เรามีความสงสัยพระเจ้าได้ หรือให้เรามีจิตใจที่หันเหไปจากพระเจ้าได้ อีกสิ่งหนึ่งที่มารซาตานมักจะทำก็คือ การทำลายร่างกายของเรา การกัดกินชีวิตของเรา ด้วยการทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบากในชีวิต เหมือน 1 เปโตร 5:8 ที่ว่า “ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ซึ่งโยบเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้

Q1  มารซาตานได้กระทำอย่างไรกับโยบ? (ข้อ 3-7) และโยบตอบสนองอย่างไร? (ข้อ 9)
Q2  คำพูดของโยบที่ว่า “เราจะรับสิ่งดีจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และจะไม่รับของไม่ดีบ้างหรือ” หนุนใจคุณอย่างไรที่จะยังยืนหยัดในความเชื่อ แม้ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากลำบากก็ตาม

มารซาตานพ่ายแพ้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะทดลองพระเยซู ครั้งนี้มันพาพระเยซูขึ้นไปบนภูเขาอันสูง และให้มองดูอาณาจักรต่างๆ และความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านั้น โดยสัญญาว่า จะมอบอำนาจและการปกครองนี้กับพระเยซู เพียงพระองค์ทำอย่างหนึ่งคือ…

Q1  การที่มารซาตานบอกให้ “พระเยซูกราบนมัสการตัวมัน” สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเป็นใหญ่ของมันอย่างไร? (ดูคำตอบของพระเยซูที่ว่า “จงนมัสการและปรนนิบัติพระเจ้าแต่ผู้เดียว” ประกอบ)
Q2  บางครั้งมารซาตานอาจจะไม่สามารถชักจูงคุณให้กราบนมัสการตัวมันได้ แต่หลายครั้งมันอาจจะชักจูงคุณให้นมัสการตัวของคุณเอง ซึ่งนั้นหมายความว่า ตัวคุณเป็นใหญ่กว่าพระเจ้าที่คุณเชื่อ ทำอย่างไรที่ความคิดนี้จะอยู่ห่างจากชีวิตของคุณ?

หลังจากที่มารซาตานพ่ายแพ้ในยกแรก มันไม่ย่อท่อที่จะทดลองพระเยซูอีกครั้ง และครั้งนี้มารซาตานใช้พระวจนะของพระเจ้า ซึ่งมาจากสดุดี 91:11-12 ที่พูดถึงการปกป้องของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติของพระเจ้า ต่อลูกของพระเจ้า และที่สำคัญต่อ พระบุตรของพระเจ้า

Q1  จากคำพูดของมารซาตานที่ว่า “เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า” และคำพูดของพระเยซูที่ว่า “พระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า” สะท้อนให้เห็นถึงการบิดเบือนพระวจนะของมารซาตานอย่างไร? (พิจารณาจากคำที่ทำเป็นตัวหนา และเนื้อหาของพระคัมภีร์ที่โต้ตอบกันในข้อ 6-7 ประกอบ)
Q2  ในปัจจุบันมีคำสอนมากมายที่บอกว่า เป็นคำสอนจากพระคัมภีร์ คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คำสอนเหล่านั้นเป็นคำสอนที่มาจากพระเจ้าจริงๆ และสามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตของคุณ? (ดู 1 เธสะโลนิกา 5:20-22 ประกอบ)

35/45