แม้ว่ากษัตริย์อาหับจะมีทุกอย่างพร้อมในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่อาหับมีมากกว่าใครคือ “ความโลภ” วันหนึ่งกษัตริย์อาหับเห็นสวนองุ่นของนาโบทที่อยู่ข้างวังก็อยากได้ ขอซื้อจากนาโบทแต่นาโบทไม่ขาย ทำให้กษัตริย์อาหับเป็นทุกข์มาก พระราชินีเยเซเบลผู้เป็นมเหสีเห็นสามีของตนเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้จึงออกอุบาย ฆ่านาโบทและยึดสวนองุ่นของนาโบทมาให้กษัตริย์อาหับจนได้ พระเจ้าจึงส่งเอลียาห์มาหากษัตริย์อาหับและพระราชินีเยเซเบลอีกครั้ง ซึ่งกษัตริย์อาหับมองเอลียาห์ว่า เป็นเหมือนกับศัตรูที่มักจะนำข่าวร้าย และสิ่งที่ไม่ดีมาให้เสมอ (ข้อ 20)

Q1  เอลียาห์กลับไปบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกษัตริย์อาหับ และพระราชินีเยเซเบลอย่างไร? (ดูข้อ 19, 21-24 ประกอบ)
Q2  แม้ว่า กษัตริย์อาหับจะชั่วร้าย แต่เมื่อได้รับการเตือนในเรื่องนี้ ท่านก็สำนึกผิดและกลับใจอย่างทันทีทันใด จนพระเจ้าเลื่อนการลงโทษออกไปไม่ให้เกิดขึ้นในสมัยของท่าน แต่ให้เกิดขึ้นในสมัยของลูกแทน คุณจะนำเอาท่าทีการสำนึกต่อความผิดบาปของกษัตริย์อาหับมาใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร? (ดู 1 ยอห์น 1:9 ประกอบ)

การต่อสู้และกำจัดผู้เผยพระวจนะของบาอัลจำนวน 450 คน ทำให้เอลียาห์ผู้เข้มแข็งอ่อนแรงและเหน็ดเหนื่อย สิ่งที่ตามคือ เมื่อเอลียาห์ถูกพระราชินีเยเซเบลสั่งตามฆ่า (ข้อ 2) เอลียาห์เกิดความหวาดกลัว และหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร (ข้อ 3) ซึ่งพระเจ้าทรงดูแลท่านเป็นอย่างดี ด้วยการส่งทูตสวรรค์มาดูแล และนำอาหารมาให้รับประทาน โดยท่านต้องเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึง 40 วัน 40 คืน

Q1  พระเจ้าทรงถามเอลียาห์ถึง 2 ครั้งว่า “เอลียาห์ เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่” เอลียาห์ตอบสนองต่อคำถามของพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 10, 14 ประกอบ) และพระเจ้าทรงตอบสนองต่อคำตอบของเอลียาห์อย่างไร? (ดูข้อ 11-12, 15-18 ประกอบ)
Q2  คุณคยมีประสบการณ์คล้ายกับเอลียาห์ที่ไม่รู้เหมือนกันว่า “กำลังทำอะไรอยู่” หรือไม่? อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้าที่คุณจะไม่มองที่ปัญหาที่คุณมีอยู่จนตอบเหมือนกับเอลียาห์ (ข้อ 10, 14) แต่ให้คุณจอจ่อที่พระเจ้าจนได้ยินเสียงของพระองค์เหมือนที่เอลียาห์ได้ยิน (ข้อ 12)

หลังจากผ่านไป 3 ปี พระเจ้าทรงบอกให้เอลียาห์ไปพบกับกษัตริย์อาหับ และแจ้งข่าวให้ท่านทราบว่า “พระเจ้าจะส่งฝนมาเหนือแผ่นดินอิสราเอลอีกครั้ง” (18:1) ซึ่งทันทีที่กษัตริย์อาหับเห็นเอลียาห์ ก็เรียกท่านว่า “นี่ตัวเจ้าหรือ เจ้าผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล” (18:17) เพราะพยากรณ์ว่า ฝนจะไม่ตก แต่เอลียาห์ทูลตอบไปว่า ท่านไม่ใช่คนที่ทำให้อิสราเอลลำบาก แต่เป็นตัวของกษัตริย์อาหับ และต้นตระกูลของพระองค์ที่ละทิ้งพระเจ้า และไปติดตามพระบาอัลต่างหากที่ทำให้อิสราเอลลำบาก ถ้าไม่เชื่อขอให้มีการพิสูจน์โดยการให้พาผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลทั้ง 450 คน (ที่ร่วมกินอาหารร่วมกับกษัตริย์อาหับและพระราชินีเยเซเบล) มาพบกับเอลียาห์ที่ภูเขาคารเมล

Q1  มีการทำแท่นบูชาพร้อมทั้งวัวที่จะถวายบูชาของแต่ละฝ่าย แต่ไม่ให้จุดไฟ และให้ร้องขอพระที่ตนเชื่อ พระองค์ไหนส่งไฟลงมาก็จะเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่องค์เดียว ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 26-29 , 37-40 ประกอบ)
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า คุณมีอะไรในชีวิตที่เป็นเหมือน “พระบาอัล ที่มาแทนที่ “พระเจ้า” ในชีวิตของคุณหรือไม่? อธิษฐานขอพระเจ้าเสริมกำลังคุณ ที่คุณจะละทิ้ง “พระบาอัล” เหล่านั้น

อยู่ต่อมาลูกชายของหญิงม่าย และล้มป่วยจนเสียชีวิต ทำให้หญิงม่ายคนนี้ตัดพ้อต่อว่า เอลียาห์และพระเจ้าว่า “โอ คนของพระเจ้า เจ้าข้า ฉันมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน ท่านได้มาหาฉัน เพื่อฟื้นให้ทรงระลึกถึงความผิดของฉัน และกระทำให้บุตรของฉันตาย” (ข้อ 18)

Q1  เอลียาห์ตอบสนองต่อคำตัดพ้อต่อว่าของหญิงม่ายอย่างไร? (ดูข้อ 19-21 ประกอบ) และผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 22-24 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หญิงม่ายรู้ว่าเอลียาห์คือ “คนของพระเจ้า” และ “พระวจนะของพระเจ้าอยู่ที่ปากของท่าน” คุณจะทำให้คนที่อยู่รอบๆ ข้างคุณรู้ได้อย่างไรว่า “คุณคือคนของพระเจ้า” และ “มีพระวจนะของพระเจ้าอยู่ในการดำเนินชีวิตของคุณ” เสมอ?

ท่ามกลางการกันดารอาหารที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีฝนตกในแผ่นดินอิสราเอล พระเจ้าทรงบอกให้เอลียาห์เดินทางจากถิ่นทรุกันดาร เข้าเมืองศาเรฟัท โดยบอกว่า จะมีหญิงม่ายคนหนึ่งคอยดูแลเลี้ยงดูเอลียาห์

Q1  เมื่อเอลียาห์เจอกับหญิงม่ายที่ประตูเมือง ท่านบอกให้หญิงนั้นทำอะไร? (ดูข้อ 10-11 ประกอบ) และผลที่ตามมาเป็นอย่างไร? (ดูข้อ 12-16 ประกอบ)
Q2  ประโยคที่ว่า “แป้งในหม้อก็ไม่หมด น้ำมันในไหก็ไม่ขาด ตามพระวจนะของพระเจ้าซึ่งตรัสทางเอลียาห์” หนุนใจคุณอย่างไรในการที่จะเชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า/คำสอนในพระคัมภีร์

3250/5062