หญิงม่าย และลูกกำพร้าในแผ่นดินอิสราเอลเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เพราะชีวิตของผู้หญิงหลังจากที่แต่งงานแล้ว ชีวิตของเธอฝากไว้กับสามี เพราะมีเพียงผู้ชายเท่านั้นมีสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดิน และทรัพย์สินต่างๆ ดังนั้นเมื่อสามีเสียชีวิต หญิงม่ายและลูกกำพร้าถ้าไม่มีใครในครอบครัวของสามีมารับช่วงดูแลต่อ ชีวิตของเธอจะยากลำบากมาก จะดำรงชีวิตอยู่ได้ก็ต้องอาศัยการเก็บข้าวที่ตกในนา หรือผลไม้ที่ตกหล่นในสวน หรือไม่ก็ขอทานจากผู้คน และในเหตุการณ์ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าสงสาร เพราะหญิงม่ายที่มีปัญหาคือ ภรรยาของผู้เผยพระวจนะ (ผู้รับใช้ของพระเจ้า) ที่สำคัญลูกทั้งสองคนกำลังจะถูกจับไปเป็นทาสเพื่อชดใช้หนี้

Q1  เอลีชาตอบสนองต่อคำร้องขอให้ช่วยของหญิงม่ายผู้เป็นภรรยาของผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 2- 7 ประกอบ)
Q2  คุณจะมีส่วนเป็น “น้ำมันที่เต็มไห” เพื่อดูแลผู้รับใช้เต็มเวลา และครอบครัวของผู้รับใช้เต็มเวลาได้อย่างไร?

คนที่มาทำหน้าที่ต่อจากเอลียาห์คือ เอลีชา โดยท่านไม่เพียงรับการถ่ายทอดเฉพาะหน้าที่เท่านั้น แต่ท่านยังได้รับถ่ายทอดฤทธิ์เดชของเอลียาห์ เหมือนกับที่ลูกชายคนโตได้รับมรดกจากพ่อที่เสียชีวิตไป (ได้รับมรดกเป็น 2 เท่า) วันนี้เราจะมาดูกันว่า เอลีชาเป็นผู้สืบทอดที่ดีอย่างไร

Q1  ชีวิตของเอลีชาที่ติดตามเอลียาห์ตั้งแต่วันแรก จนถึงนาทีสุดท้ายในชีวิตของเอลียาห์สะท้อนให้เห็นถึง “การเป็นผู้สืบทอดที่ดี” อย่างไร? (ดู 1พงศ์กษัตริย์ 19:21, 2พงศ์กษัตริย์ 2:2, 4, 6 ประกอบ)
Q2  ในฐานะที่คุณเป็นคริสเตียน คุณจะเป็น “ผู้สืบทอดความเชื่อที่ดี” อย่างไร?

พระเจ้าตอบสนองต่อคำร้องขอของเอลียาห์ที่ท่านรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้กับชีวิต โดยพระเจ้าจะรับเอลียาห์จากโลกนี้ไปอยู่กับพระองค์ และดูเหมือนว่า การรับตัวเอลียาห์จะเป็นที่รู้กันในหมู่ผู้เผยพระวจนะรวมทั้งเอลีชาซึ่งจะเป็นผู้รับช่วงต่อของเอลียาห์ก็รู้ถึงเรื่องนี้ (ข้อ 3, 5, 7)

Q1  พระเจ้าทรงรับเอลียาห์กลับไปอยู่กับพระองค์ด้วยวิธีการอย่างไร? (ดูข้อ 9-12 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอลียาห์จะเกิดขึ้นกับเราทุกคนที่เชื่อในองค์พระเยซูด้วย เหมือนที่บันทึกไว้ใน 1เธสะโลนิกา 4:17-18 ว่า “17 หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ 18 เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด” ความจริงนี้ช่วยหนุนใจคุณในการดำเนินชีวิตและรอคอยการกลับมาของพระเยซูอย่างไร?

แม้ว่ากษัตริย์อาหับจะมีทุกอย่างพร้อมในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่อาหับมีมากกว่าใครคือ “ความโลภ” วันหนึ่งกษัตริย์อาหับเห็นสวนองุ่นของนาโบทที่อยู่ข้างวังก็อยากได้ ขอซื้อจากนาโบทแต่นาโบทไม่ขาย ทำให้กษัตริย์อาหับเป็นทุกข์มาก พระราชินีเยเซเบลผู้เป็นมเหสีเห็นสามีของตนเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้จึงออกอุบาย ฆ่านาโบทและยึดสวนองุ่นของนาโบทมาให้กษัตริย์อาหับจนได้ พระเจ้าจึงส่งเอลียาห์มาหากษัตริย์อาหับและพระราชินีเยเซเบลอีกครั้ง ซึ่งกษัตริย์อาหับมองเอลียาห์ว่า เป็นเหมือนกับศัตรูที่มักจะนำข่าวร้าย และสิ่งที่ไม่ดีมาให้เสมอ (ข้อ 20)

Q1  เอลียาห์กลับไปบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกษัตริย์อาหับ และพระราชินีเยเซเบลอย่างไร? (ดูข้อ 19, 21-24 ประกอบ)
Q2  แม้ว่า กษัตริย์อาหับจะชั่วร้าย แต่เมื่อได้รับการเตือนในเรื่องนี้ ท่านก็สำนึกผิดและกลับใจอย่างทันทีทันใด จนพระเจ้าเลื่อนการลงโทษออกไปไม่ให้เกิดขึ้นในสมัยของท่าน แต่ให้เกิดขึ้นในสมัยของลูกแทน คุณจะนำเอาท่าทีการสำนึกต่อความผิดบาปของกษัตริย์อาหับมาใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร? (ดู 1 ยอห์น 1:9 ประกอบ)

การต่อสู้และกำจัดผู้เผยพระวจนะของบาอัลจำนวน 450 คน ทำให้เอลียาห์ผู้เข้มแข็งอ่อนแรงและเหน็ดเหนื่อย สิ่งที่ตามคือ เมื่อเอลียาห์ถูกพระราชินีเยเซเบลสั่งตามฆ่า (ข้อ 2) เอลียาห์เกิดความหวาดกลัว และหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร (ข้อ 3) ซึ่งพระเจ้าทรงดูแลท่านเป็นอย่างดี ด้วยการส่งทูตสวรรค์มาดูแล และนำอาหารมาให้รับประทาน โดยท่านต้องเดินทางอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึง 40 วัน 40 คืน

Q1  พระเจ้าทรงถามเอลียาห์ถึง 2 ครั้งว่า “เอลียาห์ เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่” เอลียาห์ตอบสนองต่อคำถามของพระเจ้าอย่างไร? (ดูข้อ 10, 14 ประกอบ) และพระเจ้าทรงตอบสนองต่อคำตอบของเอลียาห์อย่างไร? (ดูข้อ 11-12, 15-18 ประกอบ)
Q2  คุณคยมีประสบการณ์คล้ายกับเอลียาห์ที่ไม่รู้เหมือนกันว่า “กำลังทำอะไรอยู่” หรือไม่? อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้าที่คุณจะไม่มองที่ปัญหาที่คุณมีอยู่จนตอบเหมือนกับเอลียาห์ (ข้อ 10, 14) แต่ให้คุณจอจ่อที่พระเจ้าจนได้ยินเสียงของพระองค์เหมือนที่เอลียาห์ได้ยิน (ข้อ 12)

3255/5070