ยูดาเรียกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่า “ท่านที่รักทั้งหลาย” (ข้อ 3) เพราะเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรัก (ข้อ 1) โดยเรียกร้องให้ผู้ที่พระเจ้าทรงรักยึดมั่นในหลักคำสอนที่ได้เปิดเผยทางพระเยซูคริสต์ – ครั้งเดียวก็พอ (ข้อ 3)

Q1  ยูดาได้บอกว่า “คนอธรรม” จะเข้ามาหลอกลวงคริสเตียน (ข้อ 4ก) และใครที่หลงเชื่อจะมีผล 2 ประการเกิดขึ้นคือ? (ดูข้อ 4ข ประกอบ)
Q2  ประโยคที่ว่า “พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแต่องค์เดียว” จะช่วยคุณให้ยืนหยัดอยู่ในความเชื่อ และไม่หลงไปกับคำสอนผิดได้อย่างไร?

น่าสนใจว่า ทั้งยูดาและยากอบไม่ได้แนะนำตนเองว่า เป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ อาจจะเป็นเพราะท่านทั้งสองไม่ปรารถนาที่จะได้รับสิทธิพิเศษในฐานะคนในครอบครัวเดียวกับพระเยซูคริสต์

Q1  คุณคิดว่า ยูดามีเหตุผลอย่างไรที่ท่านได้แนะนำตนเองว่า “ยูดาผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์…” ?
Q2  คุณคิดว่า คุณจะสามารถแนะนำตัวคุณเองกับผู้อื่นในฐานะของ “ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์” ได้อย่างไร?

จากข้อ 14 เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายตาบอดแต่กำเนิดในวันสะบาโต ซึ่งแน่นอนว่า สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับพวกฟาริสีเป็นอย่างมาก เพราะพระเยซูคริสต์กระทำอย่างนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว และการกระทำครั้งนี้ของพระเยซูคริสต์เป็นการกระทำที่มีความสำคัญ เพราะพระองค์ทรงรักษาคนที่ตาบอดแต่กำเนิดให้หาย ซึ่งเป็นหมายสำคัญเล็งถึง “พระมาซีฮา” ที่จะมาปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล ทำให้มีเรื่องราวมากมาย (ดูข้อ 18-41 เพิ่มเติม)

Q1  มีคนถามพระเยซูคริสต์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” (ข้อ 2) พระองค์ทรงตอบว่าอย่างไร? (ดูข้อ 3 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า อะไรคือ “พระราชกิจ” ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงปรารถนาอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ?

เหตุการณ์นี้แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นในธรรมศาลาแต่ยังเป็นวันสะบาโต และดูเหมือนว่า การรักษาโรคในวันสะบาโตของพระเยซูคริสต์ครั้งนี้เป็นความตั้งใจของพระเยซูคริสต์ที่จะกระทำออกมา ไม่เหมือน กับครั้งก่อนๆ ที่พวกฟาริสีพยายามจะจับผิดพระเยซูคริสต์ในเรื่องนี้

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว 2 คำถามคือ 1# “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันสะบาโตจะผิดพระบัญญัติหรือไม่?” คำตอบคือ “ผิด” และ 2 # “คนไหนในพวกท่าน ถ้าจะมีลาหรือโคตกบ่อ จะไม่รีบฉุดลากมันออกในวันสะบาโตหรือ?” คำตอบคือ “ช่วย” แต่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครกล้าตอบทั้ง 2 คำถาม (ข้อ 4, 6) คุณคิดว่า ทำไมจึงไม่มีใครกล้าตอบคำถามทั้ง 2 คำถาม ทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว?
Q2  ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า “คริสเตียนที่รักพระเจ้าควรจะไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์หรือไม่?” คุณจะตอบว่า …………….. กับ “ถ้าท่านรู้ว่า การไปเที่ยวกับเพื่อนในคืนวันเสาร์ หรือ การดูบอล หรือ เล่น Facebook จนดึกดื่น อาจจะทำให้ท่านตื่นมานมัสการพระเจ้าไม่ทัน ท่านจะเลิกไปเที่ยวกับเพื่อน เลิกดูบอล และเลิกเล่น Facebook หรือ?” คุณจะตอบว่า …………………..อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้อีกครั้ง และคิดดูว่า พระเจ้าอยากสอนคุณเกี่ยวกับเรื่องท่าทีในการไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์อย่างไร?

เหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 5 ที่พระเยซูคริสต์ทรงทำการรักษาคนป่วยในวันสะบาโต และที่น่าสนใจคือ พระองค์ทรงรักษาผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทนเจ็บป่วยจากอาการหลังโกง เนื่องจากมีผีเข้าสิง (น่าจะเป็นผลจากวิญญาณชั่ว จนทำให้ร่างกายผิดปกติแต่ไม่มีใครรู้ รวมถึงตัวของผู้หญิงที่เจ็บป่วย ทุกคนอาจจะคิดว่า เป็นการเจ็บป่วยธรรมดา) ซึ่งการรักษาของพระเยซูคริสต์ก่อให้เกิดความไม่พอใจขึ้นอีกครั้งจนแม้แต่นายธรรมศาลาพูดว่า “มีหกวันที่ควรจะทำงาน ในหกวันนั้นจงมาให้รักษาโรคเถิด แต่ในวันสะบาโตนั้นอย่าเลย”

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงให้เหตุผลอย่างไรในการรักษาหญิงหลังโกงในวันสะบาโต? (ดูข้อ 15-16 ประกอบ)
Q2  ในวันอาทิตย์เราอาจจะเหมือนหญิงคนนี้ที่เดินหลังโกง (แบกปัญหา และภาระต่างๆ) เข้าไปนมัสการพระเจ้า แต่สิ่งที่เราจะต้องตระหนักและเตือนตัวเองเสมอว่า ตอนเราเดินออกจากสถานนมัสการของพระเจ้า เรายังเดินหลังโกง (แบกปัญหาและภาระต่างๆ) กลับบ้านเหมือนเดิม หรือ เดินตัวตรง (มอบปัญหาและภาระต่างๆ ไว้กับพระเจ้า) พร้อมกับรับพระพรของพระเจ้ากลับบ้าน อธิษฐานเผื่อชีวิตของคุณสำหรับการไปนมัสการพระเจ้าทุกๆ วันอาทิตย์

3415/5072