พระเจ้าปรากฏกับอับราฮัมอีกครั้งเมื่อท่านมีอายุได้ 99 ปี (ปฐมกาล 17:1) และบอกกับนางซาราห์ซึ่งมีอายุ 89 ปี ผู้ซึ่งประจำเดือนก็หมดแล้ว ว่าจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิด่บุตรชายในปีหน้าเมื่ออับราฮัมอายุ 100 ปี ซึ่งซาราห์เองถึงกับหัวเราะและคิดในใจว่า “ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะยินดีอีกหรือ” (ปฐมกาล 18:11-13)

Q1  อิสอัคได้เกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้าหลังจากที่อับราฮัม และซาราห์ต้องใช้เวลารอคอยถึง 25 ปี จากคำพูดของนางซาราห์ในข้อ 6-7 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเธอในพระเจ้าอย่างไร?
Q2 จากเรื่องราวของอับราฮัมและนางซาราห์ที่ดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบจากพระเจ้า” กลายเป็น “มีคำตอบจากพระเจ้า” หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานที่คุณมีอยู่ และดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบ”

อับราฮัมได้ชื่อว่า เป็นบิดาแห่งความเชื่อ เพราะท่านยอมเชื่อฟังพระเจ้าตั้งแต่ยอมออกจากบ้านเกิดเมืองนอนตามที่พระเจ้าบอก ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงนำไปที่ไหน และมีอายุได้ 75 ปี ส่วนนางซาราห์ผู้เป็นภรรยาก็มีอายุ 65 ปี โดยที่ทั้งคู่ไม่มีบุตร แต่พระเจ้าสัญญาว่า จะให้อับราฮัมเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ (ปฐมกาล 12:1-4) นอกจากนี้ท่านยังยอมเชื่อฟังพระเจ้าเมื่อพระองค์บอกให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องถวายบูชาด้วย (ปฐมกาล 22) แต่อับราฮัมก็มีประสบการณ์กับพระเจ้าในเรื่องคำอธิษฐานที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบ….

Q1  ดูเหมือนว่า อับราฮัมได้อธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องของลูกที่จะเกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้า (ปฐมกาล 12) แต่จากคำพูดของอับราฮัมในข้อ 2-3 ที่ว่า “ยังไม่มีบุตรเลย” “พระองค์มิได้ทรงประทานบุตรให้” สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความรู้สึกของอับราฮัมต่อพระเจ้าในการอธิษฐานเรื่องลูกอย่างไรบ้าง?
Q2 คุณเคยรู้สึกเหมือนอับราฮัมที่ต้องรอคอยคำตอบจากพระเจ้าไหม คำสัญญาของพระเจ้าในข้อ 5 และการตอบสนองของอับราฮัมในข้อ 6 หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานของคุณที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบจากพระเจ้า

มีคริสเตียนจำนวนมากที่มักจะอ้างคำพูดของพระเยซูในพระธรรมมัทธิว 7:7-8 ที่กล่าวไว้ว่า  7“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน 8เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” ในการอธิษฐาน แต่สุดท้ายคริสเตียนเหล่านั้นก็พบว่า พระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของเขา…

Q1  ยากอบได้บอกถึงสาเหตุอะไร ที่ทำให้พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา? (สังเกตคำในข้อ 1-3 ประกอบ)
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า เมื่อคุณอธิษฐานและไม่ได้รับคำตอบ เพราะมีสาเหตุเดียวกับที่ยากอบบอกหรือเปล่า? อะไรคือแรงจูงใจในการอธิษฐานของคุณ ใช้เวลานี้อธิษฐานและขอการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่ได้ชื่อว่า รักพระเจ้าสุดหัวใจ และมีความเชื่อในพระเจ้าที่เข้มแข็ง เป็นบุคคลที่พระเจ้ารักและทรงมีพระสัญญาว่า จะให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล มีชื่อเสียงใหญ่โต และมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ (2 ซามูเอล 7:1-16) แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าจะทรงตอบทุกคำอธิษฐานของดาวิด

Q1  คุณคิดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของดาวิด (ข้อ 18) ทั้งๆ ที่ดาวิดมีความเชื่อ (ข้อ17) และพระเจ้าก็ได้ยินคำอธิษฐานของดาวิด (ข้อ 19)?
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า การที่คุณไม่ได้รับคำตอบเมื่ออธิษฐาน เพราะมีสาเหตุเดียวกับดาวิดหรือเปล่า? อะไรคือสิ่งที่คุณ “บ่มไว้ในใจ” ใช้เวลานี้อธิษฐานและขอการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

แต่ว่าเรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน
เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า
ไม่ได้มาจากตัวเราเอง
เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว
เราจนปัญญาแต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ
เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย
เราแบกความตายของพระเยซูไว้ที่กายเราเสมอ
เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในกายของเราด้วย
เพราะว่าพวกเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ต้องถูกมอบไว้แก่ความตายอยู่เสมอ
เพราะเห็นแก่พระเยซู เพื่อว่าพระชนม์ชีพของพระเยซูจะได้ปรากฏในเนื้อหนังของเรา
ซึ่งจะต้องตายนั้น เหตุฉะนั้นความตายจึงกำลังออกฤทธิ์อยู่ในเรา
แต่ชีวิตกำลังออกฤทธิ์อยู่ในท่านทั้งหลาย

Q1  อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ โดยในแต่ละรอบให้หยุดพักโดยหลับตาลงสักครู่ ค่อยๆ ให้พระวจนะของพระเจ้าซึมซับลงไปในใจของเรา
Q2  อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับการใคร่ครวญตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

3710/5081