จากหนังสือ 1 ทิโมธี 1:3 เรารู้ว่า เปาโลได้ขอให้ทิโมธีหยุดอยู่ที่เมืองเอเฟซัสเพื่อจะเลี้ยงดูคริสตจักรที่นั่น ซึ่งเป็นคริสตจักรใหม่ที่ตั้งขึ้นไม่นาน ยังไม่รู้ว่าจะดูแลบริหารจัดการคริสตจักรอย่างไร รวมถึงมีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต และคำสอนผิด

Q1  คำว่า “น้ำตา” (ข้อ 4) “จริงใจ” (ข้อ 5) “ของประทาน” (ข้อ 6) “กระทำให้รุ่งเรืองขึ้น” (ข้อ 6) สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีในการรับใช้ และแนวทางในทำงานของทิโมธีที่ได้รับมอบหมายจากเปาโลอย่างไรบ้าง?
Q2  คุณคิดว่า “จิตใจที่กอปรด้วยฤทธิ์ความรัก” และ “การรู้จักบังคับตน” มีส่วนช่วยให้ทิโมธีรับใช้อย่างเกิดผลได้อย่างไร? และคุณจะนำสิ่งนี้ไปใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

ความสัมพันธ์ระหว่างเปาโลกับทิโมธีเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมาก โดยเปาโลเรียกทิโมธีว่า บุตรที่รักของเรา (ข้อ 2) ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปดูใน 1 ทิโมธี 1:2 เราจะรู้ว่า ความหมายของคำว่าบุตร คือ บุตรในความเชื่อ และเปาโลยังบอกด้วยว่า ท่านเองได้อธิษฐานเผื่อทิโมธีอย่างสม่ำเสมอ (ข้อ 3) และอยากที่จะมีโอกาสได้พบหน้าทิโมธี

Q1  คุณคิดว่า การที่ทิโมธีมีความเชื่อที่เข้มแข็งได้นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร? (ดูข้อ 2, 5 และกิจการ 16:1-2 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณจะส่งต่อความเชื่อที่คุณมีให้กับลูกของคุณอย่างไร? นอกจากนี้คุณเคยคิดจะหาใครสักคนที่จะมาเป็นพ่อฝ่ายจิตวิญญาณที่จะเลี้ยงดูคุณหรือไม่?

มีสุภาษิตไทยอันหนึ่งกล่าวไว้ ชีวิตคู่ของสามีภรรยา ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ที่อาจจะมีโอกาสกระทบกระทั่งกัน ทะเลาะกัน โมโหกัน โกรธกัน และทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บทั้งจิตใจ และร่างกาย ซึ่งถ้าจัดการไม่ดี ความเจ็บปวดเหล่านี้จะถูกจดจำและถูกเก็บไว้ภายใต้ส่วนลึกของจิตใจ เหมือนกับระเบิดเวลาที่รอคอยเวลาจุดระเบิด ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อชีวิตครอบครัวเลย

Q1  คุณคิดว่าพระคัมภีร์ข้อนี้ให้หลักการอย่างไรในการจัดการกับ “ความขัดแย้ง” “ความโกรธ” และ “การตอบโต้” กับอีกฝ่ายหนึ่งในครอบครัวที่คุณอาศัยอยู่?
Q2  ลองสำรวจชีวิตของคุณว่า คุณได้เก็บซ่อนความขมขื่นใจ ความเจ็บปวดใดๆ ในส่วนลึกภายในจิตใจของคุณหรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะจัดการกับมันให้หายไปเหมือนกับตะวันตกดิน ใช้เวลานี้อธิษฐานของการช่วยเหลือจากพระเจ้า

หลายๆ ครั้งเรามักจะได้ยินคำพูดในทำนองนี้เกิดขึ้นในครอบครัว เช่น “สามีไม่เคยฟังฉันเลย” หรือ “ผมไม่รู้ว่า เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หรือ “พ่อแม่ไม่เข้าใจผม” ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จากการสำรวจสาเหตุปัญหาในครอบครัวพบว่า ปัญหาเรื่อง “การสื่อสาร” ในครอบครัวเป็นหนึ่งในห้าสาเหตุหลักที่ทำให้ครอบครัวมีปัญหา และหลายครอบครัวต้องสิ้นสุดลงที่การหย่าร้าง

Q1  “การยอมฟังสามี” และ “การยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า” มีความเกี่ยวพันกันอย่างไร?
Q2  คุณคิดว่า คุณฟังคู่สมรส/คนในครอบครัว ดีแค่ไหน? คุณจะทำอย่างไรที่จะทำให้คุณฟังคู่สมรส/คนในครอบครัวได้ดีขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น และเข้าใจมากขึ้น?

จากข้อมูลศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าตั้งแต่ปี 2550-2556 มีเด็กและสตรีถูกกระทำความรุนแรงและเข้ารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาลจำนวน 117,506 ราย เฉลี่ยปีละ 23,501 ราย หรือก่อเหตุทุก 20 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก “ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร
และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร”

Q1  คุณคิดว่า “ความรัก” จะมีส่วนให้ความรุนแรงในครอบครัวลดน้อยลงได้อย่างไร?
Q2  คุณคิดว่า คุณจะสำแดงความรักกับ “คู่สมรส” และกับ “คนในครอบครัว” ของคุณอย่างไรบ้าง?

4180/5647