มีคริสเตียนบางคนอ้างข้อพระคัมภีร์ในเอเฟซัส 5:18 ว่า “และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน” โดยตีความว่า ถ้ากินเหล้าแล้วไม่เมา ก็ไม่ผิดพระคัมภีร์!!! ซึ่งเป็นการตีความที่ผิด และเข้าข้างตัวเองอย่างน่าเกลียดที่สุด เพราะพระคัมภีร์ตอนนี้ ตามมาด้วย “แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ” ซึ่งเปาโลผู้เขียนพยายามเปรียบเทียบว่า คนเมาถูกควบคุมด้วยเหล้า แต่สำหรับเราที่เป็นคริสเตียนควรจะถูกควบคุมด้วยพระวิญญาณ เปาโลไม่ได้สอนว่า “กินเหล้าได้ถ้าไม่เมา” เลยแม้แต่น้อย

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงลักษณะของคนที่กินเหล้า และถูกควบคุมด้วยเหล้าอย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 33-35 ประกอบ)
Q2 ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับเรื่องเหล้า อธิษฐานขอพระเจ้าปลดปล่อยคุณจากเรื่องนี้ ถ้าคุณกำลังจะเข้าไปทดลองสิ่งเหล่านี้ อธิษฐานขอพระเจ้าฉุดคุณออกมาจากการทดลอง ถ้ามีพี่น้องหรือคนที่คุณรู้จักดำเนินชีวิตอยู่ในความผิดบาปเรื่องเหล้า ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อเขา

จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2554 พบว่า ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรไทยมากเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย เฉลี่ยเป็น 52 ลิตร/คน/ปี ซึ่งสูงกว่าปริมาณการบริโภคนมของประชากรไทยซึ่งอยู่ที่ 14 ลิตร/คน/ปี พบคนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศดื่มสุรามากถึง 17 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากร และจากรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุราล่าสุด ในปี 2556 พบว่านักดื่มเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 5 เท่า โดยเฉลี่ยผู้ชายเริ่มดื่มเมื่ออายุ 19 ปี ส่วนผู้หญิงเฉลี่ยเริ่มดื่มอายุ 24 ปี

Q1 พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงผลเสียของการดื่มสุราอย่างไรบ้าง?
Q2 คุณคิดว่า คุณจะรักษาชีวิตของคุณให้มีเกียรติ โดยการรู้จักควบคุมตนเองในเรื่องการดื่มเหล้าอย่างไร?

ในพระธรรมยากอบ 3:2 กล่าวไว้ว่า “เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย” การรู้จักบังคับตนอีกด้านหนึ่งที่คริสเตียนควรจะเรียนรู้คือ พูดในสิ่งที่เป็นความจริง และเลิกพูดในสิ่งที่เป็นเท็จ เลิกพูดโกหกหลอกลวง

Q1 ผู้เขียนได้บอกถึงความจริงเกี่ยวกับ “การพูดความจริง” และ “การพูดมุสา” ไว้อย่างละ 3 ประการเท่าๆ กันคือ? (ดูข้อ 19, 20, 21 ประกอบ)
Q2 คุณจะนำความจริงที่เรียนรู้เกี่ยวกับ “พูดความจริง” และ “พูดมุสา” ไปใช้ในการบังคับตนเองในเรื่องการพูดอย่างไร?

จากการทำสำรวจของเว็บไซต์จัดหาคู่ พบว่า สามีที่นอกใจภรรยามักจะอยู่ในช่วงอายุ 40 ปี และแต่งงานมาแล้วนานกว่า 10 ปี โดยมีลูกสองคนที่อายุมากกว่า 10 ขวบขึ้นไป ส่วนภรรยาที่มักจะนอกใจสามีตัวเองมักจะอยู่ในวัย 30 ปี แต่งงานมาแล้วประมาณห้าปีหรือน้อยกว่านั้น และมีลูกสาวอายุน้อยกว่าห้าขวบ นอกจากนี้นิตยสาร Psychology Today ยังรายงานว่า ผู้ชายร้อยละ 55-65 และผู้หญิงร้อยละ 45-55 นอกใจคู่สมรสของตัวเอง

Q1  อะไรคือผลลัพธ์ของการไม่รู้จักบังคับตนเอง และยอมให้ตนเองตกลงไปในความบาปเรื่องการล่วงประเวณี? (ดูข้อ 29, 31, 32, 33, 34 ประกอบ)
Q2  คุณได้ “ทำลายตนเอง” ในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน? อธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเหลือคุณให้รู้จักบังคับตน และอยู่ห่างไกลจากการล่วงประเวณี

อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้การเรียนรู้จักบังคับตนมักจะสะดุดบ่อยๆ คือ “ความเกียจคร้าน” ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาบางครั้งรุนแรงถึงชีวิต เหมือนกับนิทานเรื่อง “มดง่ามกับจักจั่น”

ในฤดูหนาววันหนึ่งพวกมดง่ามช่วยกันขนข้าวที่เปียกชื้นออกผึ่งแดด จักจั่นหิวโซตัวหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าก็ออกปากร้องขอข้าวจากพวกมดง่ามเป็น อาหาร มดง่ามตัวหนึ่งจึงว่า “ทำไมเจ้าจึงไม่สะสมอาหารไว้ในฤดูร้อนเหมือนอย่างพวกเราเล่า?” จักจั่นตอบอย่างหน้าด้านๆ ว่า “ข้าไม่มีเวลา เพราะข้ามัวแต่ฝึกร้องเพลงอยู่น่ะซี” มดง่ามทั้งหลายพากันหัวเราะด้วยความขบขันแล้วมดง่ามตัวหนึ่งก็พูดว่า “ดีแล้ว! เมื่อเจ้ามัวฝึกร้องเพลงในฤดูหนาวนี่เจ้าก็เชิญฝึกเต้นระบำไปก่อนนะ อย่าได้มาเอ่ยปากขอข้าวจากพวกเราเลย” ดังนั้นจักจั่นจึงกลับไปด้วยความผิดหวังเพราะไม่ได้อาหารจากมดง่าม และอดอาหารตายในที่สุด

Q1 อะไรคือผลลัพธ์ของความเกียจคร้าน? (ดูข้อ 11 ประกอบ)
Q2 ความเกียจคร้านมักจะมาพร้อมกับคำพูดว่า “เดี๋ยวก่อนก็ได้” “พรุ่งนี้ค่อยทำ” คุณใช้คำพูดเหล่านี้บ่อยแค่ไหนในชีวิตของคุณ และผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นอย่างไร? คุณจะเริ่มต้นไป “ดูมด” ได้หรือยัง?

8100/9541