วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม สุภาษิต 23:29-35 “การรู้จักบังคับตน & การดื่มเหล้า II”
มีคริสเตียนบางคนอ้างข้อพระคัมภีร์ในเอเฟซัส 5:18 ว่า “และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน” โดยตีความว่า ถ้ากินเหล้าแล้วไม่เมา ก็ไม่ผิดพระคัมภีร์!!! ซึ่งเป็นการตีความที่ผิด และเข้าข้างตัวเองอย่างน่าเกลียดที่สุด เพราะพระคัมภีร์ตอนนี้ ตามมาด้วย “แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ” ซึ่งเปาโลผู้เขียนพยายามเปรียบเทียบว่า คนเมาถูกควบคุมด้วยเหล้า แต่สำหรับเราที่เป็นคริสเตียนควรจะถูกควบคุมด้วยพระวิญญาณ เปาโลไม่ได้สอนว่า “กินเหล้าได้ถ้าไม่เมา” เลยแม้แต่น้อย
Q1 พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงลักษณะของคนที่กินเหล้า และถูกควบคุมด้วยเหล้าอย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 33-35 ประกอบ)
Q2 ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับเรื่องเหล้า อธิษฐานขอพระเจ้าปลดปล่อยคุณจากเรื่องนี้ ถ้าคุณกำลังจะเข้าไปทดลองสิ่งเหล่านี้ อธิษฐานขอพระเจ้าฉุดคุณออกมาจากการทดลอง ถ้ามีพี่น้องหรือคนที่คุณรู้จักดำเนินชีวิตอยู่ในความผิดบาปเรื่องเหล้า ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อเขา
วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม สุภาษิต 20:1-3 “การรู้จักบังคับตน & การดื่มเหล้า I”
จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2554 พบว่า ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรไทยมากเป็นอันดับที่ 3 ของเอเชีย เฉลี่ยเป็น 52 ลิตร/คน/ปี ซึ่งสูงกว่าปริมาณการบริโภคนมของประชากรไทยซึ่งอยู่ที่ 14 ลิตร/คน/ปี พบคนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศดื่มสุรามากถึง 17 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากร และจากรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุราล่าสุด ในปี 2556 พบว่านักดื่มเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 5 เท่า โดยเฉลี่ยผู้ชายเริ่มดื่มเมื่ออายุ 19 ปี ส่วนผู้หญิงเฉลี่ยเริ่มดื่มอายุ 24 ปี
Q1 พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงผลเสียของการดื่มสุราอย่างไรบ้าง?
Q2 คุณคิดว่า คุณจะรักษาชีวิตของคุณให้มีเกียรติ โดยการรู้จักควบคุมตนเองในเรื่องการดื่มเหล้าอย่างไร?
วันพุธที่ 16 ตุลาคม สุภาษิต 12:19-22 “การรู้จักบังคับตน & คำพูดมุสา”
ในพระธรรมยากอบ 3:2 กล่าวไว้ว่า “เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดไปหลายๆ อย่าง ถ้าผู้ใดมิได้ทำผิดทางวาจา ผู้นั้นก็เป็นคนดีรอบคอบแล้ว และสามารถบังคับทั้งตัวไว้ได้ด้วย” การรู้จักบังคับตนอีกด้านหนึ่งที่คริสเตียนควรจะเรียนรู้คือ พูดในสิ่งที่เป็นความจริง และเลิกพูดในสิ่งที่เป็นเท็จ เลิกพูดโกหกหลอกลวง
Q1 ผู้เขียนได้บอกถึงความจริงเกี่ยวกับ “การพูดความจริง” และ “การพูดมุสา” ไว้อย่างละ 3 ประการเท่าๆ กันคือ? (ดูข้อ 19, 20, 21 ประกอบ)
Q2 คุณจะนำความจริงที่เรียนรู้เกี่ยวกับ “พูดความจริง” และ “พูดมุสา” ไปใช้ในการบังคับตนเองในเรื่องการพูดอย่างไร?
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม สุภาษิต 6:29-35 “การรู้จักบังคับตน & การล่วงประเวณี”
จากการทำสำรวจของเว็บไซต์จัดหาคู่ พบว่า สามีที่นอกใจภรรยามักจะอยู่ในช่วงอายุ 40 ปี และแต่งงานมาแล้วนานกว่า 10 ปี โดยมีลูกสองคนที่อายุมากกว่า 10 ขวบขึ้นไป ส่วนภรรยาที่มักจะนอกใจสามีตัวเองมักจะอยู่ในวัย 30 ปี แต่งงานมาแล้วประมาณห้าปีหรือน้อยกว่านั้น และมีลูกสาวอายุน้อยกว่าห้าขวบ นอกจากนี้นิตยสาร Psychology Today ยังรายงานว่า ผู้ชายร้อยละ 55-65 และผู้หญิงร้อยละ 45-55 นอกใจคู่สมรสของตัวเอง
Q1 อะไรคือผลลัพธ์ของการไม่รู้จักบังคับตนเอง และยอมให้ตนเองตกลงไปในความบาปเรื่องการล่วงประเวณี? (ดูข้อ 29, 31, 32, 33, 34 ประกอบ)
Q2 คุณได้ “ทำลายตนเอง” ในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน? อธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเหลือคุณให้รู้จักบังคับตน และอยู่ห่างไกลจากการล่วงประเวณี
วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม สุภาษิต 6:6-11 “การรู้จักบังคับตน & ความเกียจคร้าน”
อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้การเรียนรู้จักบังคับตนมักจะสะดุดบ่อยๆ คือ “ความเกียจคร้าน” ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาบางครั้งรุนแรงถึงชีวิต เหมือนกับนิทานเรื่อง “มดง่ามกับจักจั่น”
ในฤดูหนาววันหนึ่งพวกมดง่ามช่วยกันขนข้าวที่เปียกชื้นออกผึ่งแดด จักจั่นหิวโซตัวหนึ่งผ่านมาเห็นเข้าก็ออกปากร้องขอข้าวจากพวกมดง่ามเป็น อาหาร มดง่ามตัวหนึ่งจึงว่า “ทำไมเจ้าจึงไม่สะสมอาหารไว้ในฤดูร้อนเหมือนอย่างพวกเราเล่า?” จักจั่นตอบอย่างหน้าด้านๆ ว่า “ข้าไม่มีเวลา เพราะข้ามัวแต่ฝึกร้องเพลงอยู่น่ะซี” มดง่ามทั้งหลายพากันหัวเราะด้วยความขบขันแล้วมดง่ามตัวหนึ่งก็พูดว่า “ดีแล้ว! เมื่อเจ้ามัวฝึกร้องเพลงในฤดูหนาวนี่เจ้าก็เชิญฝึกเต้นระบำไปก่อนนะ อย่าได้มาเอ่ยปากขอข้าวจากพวกเราเลย” ดังนั้นจักจั่นจึงกลับไปด้วยความผิดหวังเพราะไม่ได้อาหารจากมดง่าม และอดอาหารตายในที่สุด
Q1 อะไรคือผลลัพธ์ของความเกียจคร้าน? (ดูข้อ 11 ประกอบ)
Q2 ความเกียจคร้านมักจะมาพร้อมกับคำพูดว่า “เดี๋ยวก่อนก็ได้” “พรุ่งนี้ค่อยทำ” คุณใช้คำพูดเหล่านี้บ่อยแค่ไหนในชีวิตของคุณ และผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นอย่างไร? คุณจะเริ่มต้นไป “ดูมด” ได้หรือยัง?