กษัตริย์อาสาเป็นบุตรของกษัตริย์อาบียาห์ กับนางมาอาคาห์ และเป็นหลานของกษัตริย์เรโหโบอัมผู้ซึ่งเป็นบุตรของกษัตริย์ซาโลมอน แม้ว่าพระเจ้าจะทรงแบ่งแยกอาณาจักรในสมัยของกษัตริย์เรโหโบอัม แต่ก็ไม่ได้ทำให้พระองค์หันกลับมาติดตามพระเจ้า ในทางตรงกันข้ามพระองค์กลับหันหลังให้กับพระเจ้า และกระทำในสิ่งที่ชั่วร้าย (ข้อ 14)

Q1  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้กษัตริย์เรโหโบอัมหันหลังให้กับพระเจ้า และผลที่พระองค์ได้รับคืออะไร? (ดูข้อ 1, 8 ประกอบ)
Q2  แม้พระเจ้าจะลงโทษกษัตริย์เรโหโบอัมและอิสราเอล แต่เมื่อพวกเขาถ่อมใจลง พระองค์ก็ยังสำแดงความรักต่อพวกเขา (ข้อ 7, 12) ความจริงในเรื่องนี้หนุนใจคุณอย่างไรในยามที่คุณทำในสิ่งที่ผิด และหลงจากทางของพระเจ้า

ในมุมมองของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า การแต่งงานเป็นแค่ข้อตกลง เป็นความพึงพอใจระหว่างคนสองคน ดังนั้นถ้าเมื่อไรที่หมดความพึงพอใจ หรือ ไม่เป็นไปตามข้อตกลง การหย่าร้างก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด  แต่เปาโลให้มุมมองใหม่จากพระคัมภีร์ว่า  พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง  พระเจ้าทรงผูกพันชายและหญิงเข้าด้วยกัน  พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่สถาปนาชีวิตสามีภรรยา ชีวิตครอบครัว  ดังนั้นการหย่าร้างจึงไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการ  การหย่าร้างจึงไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในคริสตจักรที่โครินธ์คือ  มีคู่สมรสบางคนไม่เชื่อพระเจ้า และเกิดมีปัญหาครอบครัวขึ้น คำถามของคริสตจักรในเวลานั้นคือ หย่าได้หรือไม่?

Q1  เราพบว่า เปาโลไม่ได้สนับสนุนการหย่าร้างเลย (ข้อ 12, 13) แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อยกเว้น ข้อยกเว้นนั้นคืออะไร?  (ดูข้อ 15 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณกำลังมีปัญหาครอบครัว อ่านข้อพระคัมภีร์ในข้อ 16  สัก2-3 รอบ และอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น  ถ้าคุณไม่มีปัญหาใด  ๆ ในครอบครัว  อ่านพระคัมภีร์ข้อ 16 สัก 2-3 รอบเช่นกัน  และอธิษฐานขอพระเจ้าเพิ่มเติมสติปัญญาให้คุณดูแลครอบครัวให้ดี ไม่ให้เกิดปัญหา
หมายเหตุ  สามารถ อ่าน 2 โครินธ์ 7:25-39  เพิ่มเติม

เราไม่ทราบแน่ชัดว่า เปาโลแต่งงานหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ตามธรรมเนียมแล้ว อาจารย์ชาวยิวที่เคร่งศาสนามักจะแต่งงานเมื่ออายุ 18 ปี แต่ในเวลานี้เรารู้ว่า เปาโลอยู่คนเดียว ซึ่งอาจเป็นเพราะภรรยาเสียชีวิต หรือหย่าร้าง หรือมีการตกลงกัน ทำให้เปาโลกล่าวในข้อ 8 ว่า การที่พี่น้องคนอื่นจะอยู่เหมือนข้าพเจ้าก็ดีแล้ว คือ อยู่เป็นโสด ละเว้นจากเรื่องเพศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานั้นคือ ถ้าคนที่แต่งงานแล้ว แต่คู่สมรสเสียชีวิต ควรจะแต่งงานใหม่หรือไม่

Q1  เปาโลได้ให้หลักการอย่างไรสำหรับผู้ที่คู่สมรสเสียชีวิต แล้วต้องการจะแต่งงานใหม่?
Q2  พระเจ้าไม่ได้พอพระทัย “ชีวิตแต่งงาน” มากกว่า “ชีวิตเป็นโสด” หรือ พอพระทัย “ชีวิตเป็นโสด” มากกว่า “ชีวิตแต่งงาน” แต่พระองค์ทรงพอพระทัยชีวิตที่บริสุทธิ์ ใช้เวลาอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตที่บริสุทธิ์ของคุณไม่ว่าจะเป็นชีวิตแต่งงาน หรือ ชีวิตเป็นโสด
หมายเหตุ  สามารถ อ่าน 2 โครินธ์ 7:25-39 เพิ่มเติม

สภาพสังคมที่เต็มไปด้วยการล่วงประเวณี ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ในเรื่องเพศ การแต่งงาน การหย่าร้าง การอยู่เป็นโสด รวมถึงการแต่งงานใหม่ ทำให้คริสตจักรเองก็เกิดความสงสัยว่า การมีหรือละเว้นการมีเพศสัมพันธ์นั้นจะส่งผลดีกว่ากัน เนื่องจากมีคำสอนกันในเวลานั้นว่า “การที่ผู้ชายไม่ข้องแวะกับผู้หญิงเลยก็ดีแล้ว” (ข้อ 1)

Q1  เปาโลมองว่า เรื่องเพศเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องภายใต้กรอบของเรื่องใด? (ดูข้อ 2-4 ประกอบ)
Q2  “เพื่อมิให้ซาตานชักจูงให้ทำผิด (เรื่องเพศ) เพราะตัวอดไม่ได้” ถ้าคุณเป็นคนโสด อธิษฐานขอกำลังและสติปัญญาจากพระเจ้าที่คุณจะรอคอยจนถึงเวลาที่เหมาะสม ถ้าคุณแต่งงานแล้ว อธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณสามารถจัดการอย่างเหมาะสม และทำให้คู่ของคุณมีความชื่นชมยินดีในเรื่องนี้
หมายเหตุ  สามารถ อ่าน 2 โครินธ์ 7:25-39 เพิ่มเติม

เรื่องของ “อิสระ” และ “เสรีภาพ” มักก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคมอยู่เสมอ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่า ตนเองมีสิทธิ เสรีภาพ และอิสระที่จะกระทำสิ่งใดก็ได้ การล่วงประเวณีก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคมเวลานั้น รวมถึงแนวความเชื่อผิดๆ ที่สอนว่า ร่างกายและจิตวิญญาณเป็นส่วนที่แยกกัน ทำให้มีคริสเตียนบางคนทำในสิ่งที่ผิด และคิดว่า ไม่ส่งผลอะไรต่อจิตวิญญาณและผู้อื่น โดยอ้างว่า เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัว

Q1  เปาโลได้ให้เหตุผลอย่างน้อย 6 ประการด้วยกันในการที่จะหลีกเลี่ยงจากการล่วงประเวณี? (ดูข้อ 12, 13, 15, 17, 19, 20 ประกอบ)
Q2  “ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์” ช่วยให้คุณมีมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการมีอิสระและเสรีภาพของคุณที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตของคุณอย่างไร?

8155/9463