วันจันทร์ที่ 23 กันยายน สดุดี 42:1-2 “กระเสือกกระสน”
1 กวางกระเสือกกระสนหาลำธารที่มีน้ำไหลฉันใด ข้าแต่พระเจ้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น
2 จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า
Q1 อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ สัก 2–3 รอบ จนจำเนื้อหาได้ ผู้เขียนได้ใช้สภาพของภูมิประเทศที่ดินแดนส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และภาพการดำรงชีพของกวางที่ต้องหาน้ำดื่มมาอธิบายเปรียบเทียบภาพของฝ่ายจิตวิญญาณอย่างไรบ้าง?
Q2 ลองทบทวนชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของคุณว่า คุณเป็นเหมือนกับกวางที่กระหายหาน้ำในทุกๆ วัน หรือเหมือนกับอูฐที่อดน้ำได้เป็นเดือนๆ อธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณมีจิตใจเหมือนผู้เขียนสดุดี
วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน สดุดี 42 “กระหายหาพระเจ้า”
Q1 อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ สัก 2–3 รอบเพื่อจะรู้ถึงความรู้สึก ความคิด และประสบการณ์ของผู้เขียนสดุดี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ค่อยๆ ปล่อยให้ความคิดของคุณไหลไปกับพระคำของพระเจ้าที่คุณได้อ่านไป
Q2 อธิษฐานขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคัมภีร์ตอนนี้
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน มาระโก 4:1-20 “การเกิดผล”
ในการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องราวของพระเจ้า เราทุกคนต่างก็คาดหวังว่า จะมีคนรับเชื่อในทุกๆ ครั้งที่เราประกาศ เราพยายามพาคนมางานประกาศที่คริสตจักร แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ค่อยจะเกิดผล หรือบางครั้งมีคนรับเชื่อ เราต่างดีใจ แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มาโบสถ์อีกเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกท้อแท้ใจและไม่อยากจะประกาศอีกต่อไป มาระโกบทที่ 4 จะทำให้มีมุมมองที่สมดุลเกี่ยวกับการประกาศ และการเกิดผล
Q1 พระคัมภีร์พูดถึงดิน 4 แบบ และการเกิดผล 4 แบบ คืออะไรบ้าง?
Q2 “ดินดี” หมายถึง “คนที่มีจิตใจที่เปิดออก และรับพระวจนะของพระเจ้าไว้” เราไม่มีทางรู้ว่า ใครบ้างที่จะเป็นดินดี ดังนั้นถ้าเราหยุดประกาศ การเกิดผลก็จะไม่เกิด แต่ถ้าเรายังประกาศต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ วันหนึ่งดินดีที่พระเจ้าเตรียมไว้ก็จะเกิดดอกออกผล อธิษฐานขอพระเจ้าเพิ่มเติมภาระใจในการประกาศให้กับคุณ
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน ลูกา 14:25-33 “ราคาของการเป็นสาวก”
หลายๆ ครั้งเรามักจะประกาศว่า ถ้าเชื่อพระเยซูคริสต์แล้วชีวิตจะดีขึ้น ปัญหาจะได้รับการแก้ไข ชีวิตจะมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งก็เป็นความจริง แต่เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าเรื่องพระเยซูคริสต์ ไม่ได้เป็นเรื่องของความรอดเท่านั้น แต่ยังควบคู่ไปกับการตัดสินใจด้วย แน่นอนครับว่า ความรอดเป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า เป็นของฟรี แต่การเป็นสาวกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเราจึงควรจะต้องบอกถึงสิ่งที่ต้องจ่ายในการเป็นสาวกด้วย
Q1 พระเยซูเรียกร้องอะไรบ้างในการติดตามพระองค์? (ดูข้อ 26-27ประกอบ) และพระองค์ทรงยกตัวอย่างเพื่อหนุนใจให้คนที่จะติดตามพระองค์ให้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน? (ดูข้อ 28-32 ประกอบ)
Q2 “ก็เช่นนั้นแหละทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้” คุณได้สละสิ่งใดบ้าง ในการที่จะเป็นสาวกของพระเยซู และประกาศข่าวดีกับคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า?
หมายเหตุ คำว่า “ชัง” ในข้อ 26 ไม่ได้หมายถึง การเกลียดชัง แต่ใช้บริบทของ รักมากกว่า หรือ รักน้อยกว่า เพื่อจัดลำดับความสำคัญ
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน กิจการ 8:26-40 “คนแปลกหน้า”
คุณเคยพูดเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ให้กับคนแปลกหน้าฟังบ้างไหม? หรือคุณเคยคิดที่จะเล่าเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ให้กับคนที่นั่งข้างๆ คุณบนรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือขณะที่รอคิวจ่ายเงินที่ธนาคารบ้างไหม? สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่แปลกและไม่คุ้นเคยสำหรับเรา แต่การประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับฟีลิปที่จู่ๆ พระเจ้าก็ดลใจเขาให้ออกไปนอกเมืองกรุงเยรูซาเล็มไปตามทางที่จะไปเมืองกาซา ซึ่งเป็นทางเปลี่ยว ไม่มีผู้คนเดินทางสักเท่าไร และที่นั่นฟีลิปได้ประกาศกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต
Q1 ผลจากการที่ฟีลิปเชื่อฟังพระเจ้า จนได้เจอกับขันทีชาวเอธิโอเปีย ผลที่ตามมาคือ? (ดูข้อ 30-39 ประกอบ)
Q2 ฟีลิปสามารถตอบข้อสงสัยของขันทีชาวเอธิโอเปียได้เป็นอย่างดี คุณคิดว่า คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ถ้าพระเจ้าจะเปิดโอกาสให้คุณได้ประกาศกับคนแปลกหน้า?