ในสมัยของพระเยซูคริสต์ ไม้กางเขนเป็นอุปกรณ์ลงโทษสำหรับนักโทษที่ทำผิดอย่างรุนแรง เป็นการประหารชีวิตที่ทรมานมาก เพราะต้องถูกตรึงด้วยเหล็กแหลมผ่านมือ หรือข้อมือทั้ง 2 ข้าง และขาทั้งสองข้างจะถูกไขว้เพื่อตรึงด้วยเหล็ก และปล่อยให้เสียชีวิตบนไม้กางเขน โดยผู้ถูกตรึงจะต้องแบกไม้กางเขนของตนไปยังลานประหารด้วยตนเอง และก่อนที่จะถูกตรึงกางเขนจะต้องมีการประกาศ (ประจาน) ว่า คนๆ นั้นได้ทำผิดอะไรมา ซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงบอกกับสาวกว่า พระองค์คือผู้ที่แบกกางเขน

Q1  คุณคิดว่า พระเยซูคริสต์มีท่าทีอย่างไรต่อการเป็น “ผู้แบกกางเขน” ? (ดูข้อ 31, 33, 38 ประกอบ)
Q2  พระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องคนที่จะเป็นสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดจะใคร่ติดตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา” (ข้อ 34) ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า อะไรคือสิ่งที่คุณต้องเอาชนะ (ชีวิตเก่า) และอะไรคือกางเขน (ชีวิตใหม่) ที่คุณต้องแบกตามพระเยซูคริสต์?

ความกลัวถือว่า เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่สำคัญและมีผลกระทบต่อมนุษย์เป็นอันดับที่สอง รองจากความรัก ความกลัวทำให้มนุษย์ทำหลายๆ สิ่งได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้มนุษย์หยุดทำในหลายๆ สิ่งเช่นกัน และเราแต่ละคนก็มีความกลัวในเรื่องที่แตกต่างกันไป บางคนกลัวความมืด บางคนกลัวงู บางคนกลัวความผิดหวัง บางคนกลัวการถูกปฏิเสธ ฯลฯ แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้ด้วยกันว่า พระเยซูทรงเป็นเจ้านายเหนือความกลัวอย่างไร

Q1  คุณคิดว่า สาวกมีเหตุผลอะไรที่หวาดกลัวในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น? (ดูข้อ 37, 38 ประกอบ)
Q2  จากคำถามของพระเยซูในข้อ 40 ที่ว่า “ทำไมเจ้ากลัว เจ้าไม่มีความเชื่อหรือ” และคำพูดของสาวกในข้อ 41 ที่ว่า “ท่านนี้เป็นผู้ใดหนอ จนชั้นลมและทะเลก็เชื่อฟังท่าน” หนุนใจคุณอย่างไรในเรื่องที่คุณกำลังหวาดกลัวอยู่

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นครูที่เก่ง เพราะพระองค์สามารถใช้สิ่งที่อยู่รอบๆ ข้างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน มาเล่าเรื่องเปรียบเทียบเป็นคำอุปมา เพื่อจะสอนให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสิ่งที่ยากจะเข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องราวฝ่ายจิตวิญญาณ ในขณะเดียวกันก็ป้องกันคนบางคนไม่ให้เข้าใจผิดด้วย (ข้อ 12)

Q1  คุณคิดว่า อะไรคือเหตุผลที่พระเยซูคริสต์เลือกที่จะสอนผู้คนโดยใช้เรื่องเล่า? (ดูข้อ 9, 10, 11 ประกอบ)
Q2  คุณว่า พระเยซูคริสต์กำลังสอนอะไรคุณเมื่อพระองค์บอกว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”?

คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า พระเจ้าทรงรักแต่คนที่ดีๆ คนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และคนที่ไปคริสตจักรได้ต้องเป็นคนที่เลิก ละทิ้งแล้วในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งคนอิสราเอลในยุคของพระเยซูคริสต์ก็มีความคิดอย่างนี้เช่นกัน พวกเขาคิดว่า ตัวเองเท่านั้นที่เป็นชนชาติของพระเจ้า และคนที่ทำผิดกฎบัญญัติของโมเสสก็เป็นคนที่พระเจ้ารังเกียจ ซึ่งมีคนหลายกลุ่มในสังคมยุคนั้นรังเกียจ เช่น คนเก็บภาษี หญิงโสเภณี คนโรคเรื้อน คนต่างด้าว เป็นต้น และสังคมมองคนเหล่านี้ว่าเป็นคนบาป แต่พระเยซูคริสต์ทรงทำให้คนในยุคนั้นประหลาดใจ…

Q1  คุณคิดว่าระหว่างการกระทำของพระเยซูคริสต์ในข้อ 27, 29, 30 กับความคิดเบื้องหลังการกระทำในข้อ 31 สิ่งใดที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจ?
Q2  คุณจะนำความคิดของพระเยซูในข้อ 31 มาใช้ในชีวิตของคุณ และทำให้เกิดความประหลาดใจกับคนที่อยู่รอบๆ ข้างได้อย่างไร?

สูจิบัตร 6 เมษายน 2014

國語部程序表二○一四年四月六日

รายการประชุมนมัสการพระเจ้า
ประจำวันอาทิตย์ที่
: 6 เมษายน ค.ศ. 2014 เวลา :  10:00 น.

ผู้นำเพลงสั้น :  คุณจางเจียยุ่น/คุณจินตนาภรณ์
ผู้นำประชุม :  คุณสิริ/คุณจ้าวเสี้ยวฉือ
ผู้อ่านพระวจนะ :  คุณวันดี/คุณสุวรรณา
ผู้เบรรเลงเปียโน
:  คุณณิชา
ผู้อธิษฐานเผื่อทรัพย์ : คุณจ้าวเจวียน
ผู้ต้อนรับ & ปฏิคม :  คุณพรพรรณา/คุณภูมินทร์
ผู้เดินถุงถวายทรัพย์ :  คุณฉุงลี่หวา คุณจิงฉุงซือ คุณเยี่ยนเสียงเซียน

Read more

35/47