วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน ยอห์น 20:19-23 “การฟื้นคืนพระชนม์ III”
ในขณะที่สาวกเก็บตัวเองอยู่ในห้องชั้นบนที่มิดชิด และเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ไม่แน่ใจในความปลอดภัยของตัวเอง เต็มไปด้วยความสงสัย ความวิตกกังวล และยังตกใจไม่หายกับเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกจับ ถูกตรึง และถูกฝังในอุโมงค์
Q1 พระเยซูทรงทำอย่างไรให้เหล่าสาวกกลับมามีความเชื่อ และไว้วางใจในพระองค์อีกครั้ง? (ดูข้อ 19, 20, 21, 22 ประกอบ)
Q2 “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ประโยคนี้จะเป็นจริงในชีวิตของคุณได้อย่างไร?
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน ยอห์น 20:11-18 “การฟื้นคืนพระชนม์ II”
ขณะที่เปโตรและยอห์นกลับไปยังที่พัก แต่มารีย์ยังคงร้องไห้เศร้าโศกอยู่ที่อุโมงค์ เธอเองมีโอกาสได้พบกับฑูตสวรรค์ และทูตสวรรคถามเธอว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม” ซึ่งมารีย์ก็ตอบว่า “เพราะเขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าไปเสียแล้ว และข้าพเจ้าไม่ทราบว่า เขาเอาพระองค์ไปที่ไหน” และในเวลานั้นเองมารีย์มีโอกาสได้พบกับพระเยซู และพูดคุยกับพระองค์
Q1 อะไรคือสาเหตุที่ทำให้มารีย์ไม่รู้ตัวว่า กำลังคุยอยู่กับพระเยซู? (ดูข้อ 15 ประกอบ)
Q2 แต่สุดท้ายมารีย์ก็จดจำได้ว่า คนที่เธอคุยด้วยคือ “พระเยซู” ซึ่งนำมาซึ่งความชื่นชมยินดี และทำให้เธอรีบกลับไปบอกกับเหล่าสาวกว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” คุณเองได้มีโอกาสที่จะบอกเรื่องราวแห่งความชื่นชมยินดี เกี่ยวความรอดของพระเยซูคริสต์ ให้กับคนอื่นอย่างไร?
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน ยอห์น 19:38-20:10 “การฟื้นคืนพระชนม์ I”
โยเซฟชาวอาริมาเธีย และนิโคเดมัส เป็นสองบุคคลคนสำคัญที่ไปขออนุญาติปิลาตที่จะนำร่างของพระเยซูมาฝังตามธรรมเนียมก่อนที่จะถึงวันสะบาโต เพราะโดยกฎธรรมเนียนของวันสะบาโตแล้วจะไม่อนุญาตให้ทำสิ่งใด นั้นหมายความว่า ถ้าไม่นำร่างของพระเยซูลงมาฝัง ร่างของพระองค์จะต้องถูกแขวนไว้บนไม้กางเขนจนกว่าจะพ้นวันสะบาโต
อุโมงค์ฝังศพของพระเยซูเป็นอุโมงค์ใหม่ และในพระกิตติคุณเล่มอื่นบันทึกว่า มีการปิดอุโมงค์อย่างแน่นหนา และมีทหารมายืมเฝ้า เพราะกลัวว่า จะมีสาวกมาแอบลักร่างของพระเยซู และโกหกว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย
Q1 เมื่อมารีย์มาถึงอุโมงค์ สิ่งที่เธอเห็นคืออะไร? และเธอตอบสนองอย่างไร? (ดูข้อ 1, 2 ประกอบ)
Q2 “เห็นผ้าป่านวางอยู่ในอุโมงค์” ประโยคนี้ช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูอย่างไร? (ดูข้อ 38, 40, 42 ประกอบ)
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน ยอห์น 19:28-37 “การตรึงที่กางเขน III”
พระเยซูทรงถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนถึง 6 ชั่วโมง คือตั้งแต่เวลาประมาณ 9 โมงเช้า และสิ้นพระชนม์เวลาบ่าย 3 โมง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทรมานอย่างถึงที่สุด แต่พระเยซูก็ทรงอดทนและกระทำจน “สำเร็จ” นั้นคือ พระองค์ทรงตายบนไม้กางเขน และเป็นความสำเร็จตามแผนการของพระเจ้าด้วย
Q1 การตายของพระเยซูนอกจากจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของพระคัมภีร์แล้ว การตรวจสอบการตายของพระเยซูก็ไปเป็นตามคำพยากรณ์ของพระคัมภีร์อย่างไร? (ดูข้อ 32, 33, 34, 36, 36 ประกอบ)
Q2 “การตาย” ของพระเยซูอาจจะดูเป็นที่ “โง่เขลา” และ “ล้มเหลว” ในสายตาของมนุษย์ แต่เป็น “สติปัญญา” และ “ความสำเร็จ” ของพระเจ้าเหมือนกับพระธรรม โรม 11:33 กล่าวไว้ว่า “โอ พระปัญญาและความรอบรู้ของพระเจ้านั้น ล้ำลึกเท่าใด ข้อตัดสินของพระองค์นั้นเหลือที่จะหยั่งรู้ได้ และทางของพระองค์ก็เหลือที่จะสืบเสาะได้” “การตายของพระเยซูคริสต์” เป็น “ความสำเร็จ” ในชีวิตของคุณอย่างไร?
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน ยอห์น 19:23-27 “การตรึงที่กางเขน II”
เมื่อมาถึงที่กลโกธา ทหารโรมันได้เริ่มต้นการตรึงพระเยซูด้วยการ เอาเสื้อผ้าของพระองค์มาฉีกแบ่งกัน โดยมีความตั้งใจที่จะกระทำเพื่อเสียดสีดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่กลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ทหารโรมันทำ ทำให้คำพยากรณ์ที่ได้กล่าวถึงในสดุดี 22:18 สำเร็จ
Q1 ท่ามกลางวิกฤต และนาทีเป็นตายของชีวิต พระเยซูยังกระทำสิ่งที่สำคัญอีกเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของพระองค์ สิ่งนั้นคือ? (ดูข้อ 26, 27 ประกอบ)
Q2 พระเยซูไม่เพียงแต่ให้เกียรติพระเจ้าพระบิดาในสวรรค์เท่านั้น แต่พระองค์ยังให้เกียรติมารดาของตน คือมารีย์ในโลกใบนี้ด้วย สิ่งที่พระเยซูได้กระทำเป็นแบบอย่างในการดูแลคุณพ่อคุณแม่ของคุณอย่างไร?