สำหรับคริสเตียน เราถูกสอนให้อธิษฐานในทุกๆ เรื่องกับพระเจ้า แต่หลายๆ ครั้งเราลืมที่สอนกันและกันให้ยอมรับคำตอบที่มาจากพระเจ้าในทุกๆ คำตอบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคำตอบว่า “รอก่อน” “ไม่ได้” และ “ได้”

Q1  เมื่อเราอธิษฐาน ไม่เพียงแต่เราจะได้รับคำตอบจากพระเจ้า (“รอ” “ไม่ได้” หรือ “ได้”) ยังมีอีกสิ่งที่จะเกิดขึ้นเสมอไม่ว่าคำตอบที่เราได้รับจะถูกใจเราหรือไม่ก็ตาม สิ่งนั้นคือ? (ดูข้อ 7 ประกอบ)
Q2 อ่านพระคัมภีร์ข้อ 7 อีกครั้งสัก 2-3 รอบช้าๆ และใช้เวลานี้อธิษฐานกับพระเจ้าอีกครั้งในสิ่งที่คุณกำลังกังวลและไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้าสักที

เปาโลเป็นหนึ่งในอัครทูตที่มีบทบาทสำคัญมากในคริสตจักรยุคแรก ท่านได้รับการทรงเรียกโดยตรงจากพระเยซูคริสต์ และได้รับมอบหมายให้ประกาศกับคนต่างชาติ (กิจการ 9) เปาโลได้รับสิทธิพิเศษจากพระเจ้าในการที่ถูกรับขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่ 3 เพื่อจะได้เห็นและได้ยินบางสิ่งบางอย่าง แต่ตัวท่านเองไม่ได้ถูกอนุญาตให้เล่าเรื่องราวเหล่านั้น (ข้อ 1-5)

Q1  เปาโลได้บอกว่า ท่านมีหนามใหญ่ในเนื้อ ซึ่งเป็นความอ่อนแอของท่าน (ข้อ 7) ท่านได้อธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษาถึง 3 ครั้ง (ข้อ 8) แต่พระเจ้าก็ไม่รักษาท่าน พระเจ้าได้ให้เหตุผลในการที่ไม่รักษาเปาโลไว้อย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 7, 9 ประกอบ)
Q2  มีประโยคที่ว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” ช่วยให้คุณเข้าใจและยอมรับคำอธิษฐานของคุณที่ไม่มีคำตอบจากพระเจ้าได้อย่างไร?

ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่รักพระเจ้าเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นคนที่คิดเผื่อพระเจ้าเสมอ หลังจากดาวิดได้เป็นกษัตริย์และทุกอย่างลงตัวแล้ว ดาวิดมองดูพระราชวังของตนเองที่สร้างอย่างใหญ่โต และมองเห็นพลับพลาของพระเจ้าสร้างด้วยหนังสัตว์ ทำให้ท่านมีความปรารถนาอยากจะสร้างพระนิเวศแด่พระเจ้าให้สมเกียรติ และนี่น่าจะเป็นหนึ่งในคำอธิษฐานส่วนตัวของท่านด้วย จนวันหนึ่งท่านได้มีโอกาสคุยกับนาธันถึงสิ่งที่อยู่ในใจ

Q1  พระเจ้าตอบคำอธิษฐานในเรื่องความปรารถนาของดาวิด เกี่ยวกับการสร้างพระวิหารอย่างไร? (ดูข้อ 4, 11-12ประกอบ)
Q2  คุณเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ “ความตั้งใจ” “ความปรารถนาที่ดี” “คำอธิษฐาน” และ “น้ำพระทัยของพระเจ้า” จากชีวิตของดาวิด

พระเจ้าปรากฏกับอับราฮัมอีกครั้งเมื่อท่านมีอายุได้ 99 ปี (ปฐมกาล 17:1) และบอกกับนางซาราห์ซึ่งมีอายุ 89 ปี ผู้ซึ่งประจำเดือนก็หมดแล้ว ว่าจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิด่บุตรชายในปีหน้าเมื่ออับราฮัมอายุ 100 ปี ซึ่งซาราห์เองถึงกับหัวเราะและคิดในใจว่า “ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะยินดีอีกหรือ” (ปฐมกาล 18:11-13)

Q1  อิสอัคได้เกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้าหลังจากที่อับราฮัม และซาราห์ต้องใช้เวลารอคอยถึง 25 ปี จากคำพูดของนางซาราห์ในข้อ 6-7 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเธอในพระเจ้าอย่างไร?
Q2 จากเรื่องราวของอับราฮัมและนางซาราห์ที่ดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบจากพระเจ้า” กลายเป็น “มีคำตอบจากพระเจ้า” หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานที่คุณมีอยู่ และดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบ”

อับราฮัมได้ชื่อว่า เป็นบิดาแห่งความเชื่อ เพราะท่านยอมเชื่อฟังพระเจ้าตั้งแต่ยอมออกจากบ้านเกิดเมืองนอนตามที่พระเจ้าบอก ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงนำไปที่ไหน และมีอายุได้ 75 ปี ส่วนนางซาราห์ผู้เป็นภรรยาก็มีอายุ 65 ปี โดยที่ทั้งคู่ไม่มีบุตร แต่พระเจ้าสัญญาว่า จะให้อับราฮัมเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ (ปฐมกาล 12:1-4) นอกจากนี้ท่านยังยอมเชื่อฟังพระเจ้าเมื่อพระองค์บอกให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องถวายบูชาด้วย (ปฐมกาล 22) แต่อับราฮัมก็มีประสบการณ์กับพระเจ้าในเรื่องคำอธิษฐานที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบ….

Q1  ดูเหมือนว่า อับราฮัมได้อธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องของลูกที่จะเกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้า (ปฐมกาล 12) แต่จากคำพูดของอับราฮัมในข้อ 2-3 ที่ว่า “ยังไม่มีบุตรเลย” “พระองค์มิได้ทรงประทานบุตรให้” สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความรู้สึกของอับราฮัมต่อพระเจ้าในการอธิษฐานเรื่องลูกอย่างไรบ้าง?
Q2 คุณเคยรู้สึกเหมือนอับราฮัมที่ต้องรอคอยคำตอบจากพระเจ้าไหม คำสัญญาของพระเจ้าในข้อ 5 และการตอบสนองของอับราฮัมในข้อ 6 หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานของคุณที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบจากพระเจ้า

3685/5059