เปาโลยกตัวอย่างของอับราฮัมในเรื่องความเชื่อ ที่ทำให้ท่านได้เป็นบิดาของมวลประชาชาติ (ข้อ 17) ความเชื่อในการถวายอิสอัค ที่ท่านมั่นใจว่าพระเจ้าจะให้อิสอัคเป็นขึ้นมาจากความตาย (ข้อ 17) ความเชื่อที่ว่า ท่านจะมีลูกหลานเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า เม็ดทรายที่ทะเล (ข้อ 18) และความเชื่อที่ว่า แม้จะแก่ชราอายุ 100 ปี ภรรยาก็เป็นหมัน ก็จะตั้งครรภ์ มีลูกได้ (ข้อ 20)

Q1  สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นชนชาติอิสราเอล หรือลูกหลานของอับราฮัมจะมีความเชื่อ และถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมเหมือนกับอับราฮัมได้อย่างไร? (ดูข้อ 24-25 ประกอบ)
Q2  ชีวิตของอับราฮัม จะเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่มีความเชื่อ และสำแดงความชอบธรรมของพระเจ้าออกมาเป็นการกระทำในชีวิตของคุณได้อย่างไร?

การเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายภายนอก ที่แสดงถึงความชอบธรรมของพระเจ้าที่ทรงประทานแก่อับราฮัม และชนชาติอิสราเอล ซึ่งคนยิวก็ยึดการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันความชอบธรรมของตน และถือปฏิบัติกันมาอย่างเคร่งครัด

Q1  จากพระคัมภีร์ตอนนี้อับราฮัมถือว่า เป็นคนชอบธรรม “ก่อน” หรือ “หลัง” จากการเข้าสุหนัต? (ดูข้อ 11, 12 ประกอบ)
Q2  มีคริสเตียนหลายคนคิดว่า การได้รับบัพติสมา และรับมหาสนิท จะช่วยรักษาความรอด และมีชีวิต คริสเตียนที่เข้มแข็ง และเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดไม่แตกต่างกับคนยิวที่คิดว่า การเข้าสุหนัตจะทำให้ตนเองเป็นผู้ชอบธรรม ลองทบทวนชีวิตว่า ถ้าคุณยังไม่รับบัพติสมา และกำลังจะรับ คุณมีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจรับบัพติสมา? และสำหรับคนที่รับบัพติสมาแล้ว ย้อนกลับไปคิดว่า การรับบัพติสมาของคุณกับชีวิตของคุณที่เป็นอยู่ตอนนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่คุณกล่าวยืนยันต่อหน้าพี่น้องในคริสตจักรในเวลานั้นหรือไม่? และทุกครั้งที่คุณรับมหาสนิท คุณรับเพราะจะทำให้คุณรู้สึกดีกับตนเอง หรือ รับเพราะสำนึกในพระคุณของพระเจ้าที่มีมาทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์
หมายเหตุ :- ดูเนื้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าสุหนัตในปฐมกาล 17:1-14

สำหรับคนยิวแล้ว อับราฮัมเป็นตัวอย่างของคนที่ได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยการกระทำ เพราะท่านได้ถวายลูกชายคืออิสอัคบนแท่นบูชา (ยากอบ 2:21-23) แต่ในพระคัมภีร์ตอนนี้เปาโลยืนยันว่า สิ่งที่ทำให้อับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมได้ เป็นเพราะท่านมี “ความเชื่อ” แล้วจึงแสดงผลออกมาเป็นการกระทำ

Q1  เปาโลยกตัวอย่างของคนทำงาน (ข้อ 4-5) และสดุดีของดาวิด (ข้อ 6-8) เพื่อจะอธิบายถึงความชอบธรรมที่มาจากความเชื่ออย่างไร?
Q2  ยากอบ 2:26 เขียนไว้ว่า “เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผลฉันนั้น” คุณจะสำแดงความเชื่อ และความชอบธรรมในชีวิตของคุณออกมาเป็นการกระทำได้อย่างไร?

การจัดลำดับความสำคัญในแต่ละครั้งไม่ได้หมายความว่า ทุกครั้งต้องมีผลลัพธ์ออกมาเป็นความสำเร็จ หรือ ผลงานที่จับต้องได้ แต่ผลลัพธ์ของการจัดลำดับความสำคัญคือ การรู้ว่า สิ่งสำคัญที่ต้องการนั้นคืออะไร และลงมือทำสิ่งนั้นก่อน

Q1  จากคำพูดเตือนสติของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อมารธาที่ว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจด้วยหลายสิ่งนัก สิ่งซึ่งต้องการนั้นมีแต่สิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้” สอนอะไรเกี่ยวกับ “การจัดลำดับความสำคัญ” และ “สิ่งที่ต้องการ” ?
Q2  ในชีวิตของคุณ อะไรคือ “สิ่งที่ต้องการ” และ คุณให้ลำดับความสำคัญในสิ่งที่ต้องการไว้เป็นลำดับที่เท่าไร? และคุณได้ลงมือทำอะไรบ้างเพื่อให้สิ่งที่ต้องการนั้น?

บางครั้งการจัดลำดับความสำคัญที่ผิดพลาด สามารถนำมาสู่ความหวาดกลัว และทำให้การดำเนินชีวิตเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และความเครียด แต่คนที่สามารถจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง จะสามารถทำให้เขาพุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่ควรสนใจเป็นอันดับแรก ก้าวข้ามความกลัว และลงมือกระทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ

Q1  คำพูดของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้” สอนเราเกี่ยวกับการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัวอย่างไร?
Q2  มีเรื่องใดในชีวิตของคุณที่สำคัญ และถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำสิ่งนั้น แต่คุณผัดวันประกันพรุ่งมาโดยตลอด เพียงเพราะคุณกลัว พระคัมภีร์ตอนนี้หนุนใจคุณอย่างไรบ้าง?

3495/5068