ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่รักพระเจ้าเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นคนที่คิดเผื่อพระเจ้าเสมอ หลังจากดาวิดได้เป็นกษัตริย์และทุกอย่างลงตัวแล้ว ดาวิดมองดูพระราชวังของตนเองที่สร้างอย่างใหญ่โต และมองเห็นพลับพลาของพระเจ้าสร้างด้วยหนังสัตว์ ทำให้ท่านมีความปรารถนาอยากจะสร้างพระนิเวศแด่พระเจ้าให้สมเกียรติ และนี่น่าจะเป็นหนึ่งในคำอธิษฐานส่วนตัวของท่านด้วย จนวันหนึ่งท่านได้มีโอกาสคุยกับนาธันถึงสิ่งที่อยู่ในใจ

Q1  พระเจ้าตอบคำอธิษฐานในเรื่องความปรารถนาของดาวิด เกี่ยวกับการสร้างพระวิหารอย่างไร? (ดูข้อ 4, 11-12ประกอบ)
Q2  คุณเรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ “ความตั้งใจ” “ความปรารถนาที่ดี” “คำอธิษฐาน” และ “น้ำพระทัยของพระเจ้า” จากชีวิตของดาวิด

พระเจ้าปรากฏกับอับราฮัมอีกครั้งเมื่อท่านมีอายุได้ 99 ปี (ปฐมกาล 17:1) และบอกกับนางซาราห์ซึ่งมีอายุ 89 ปี ผู้ซึ่งประจำเดือนก็หมดแล้ว ว่าจะตั้งครรภ์ และให้กำเนิด่บุตรชายในปีหน้าเมื่ออับราฮัมอายุ 100 ปี ซึ่งซาราห์เองถึงกับหัวเราะและคิดในใจว่า “ฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะยินดีอีกหรือ” (ปฐมกาล 18:11-13)

Q1  อิสอัคได้เกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้าหลังจากที่อับราฮัม และซาราห์ต้องใช้เวลารอคอยถึง 25 ปี จากคำพูดของนางซาราห์ในข้อ 6-7 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเธอในพระเจ้าอย่างไร?
Q2 จากเรื่องราวของอับราฮัมและนางซาราห์ที่ดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบจากพระเจ้า” กลายเป็น “มีคำตอบจากพระเจ้า” หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานที่คุณมีอยู่ และดูเหมือนว่า “ไม่มีคำตอบ”

อับราฮัมได้ชื่อว่า เป็นบิดาแห่งความเชื่อ เพราะท่านยอมเชื่อฟังพระเจ้าตั้งแต่ยอมออกจากบ้านเกิดเมืองนอนตามที่พระเจ้าบอก ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทรงนำไปที่ไหน และมีอายุได้ 75 ปี ส่วนนางซาราห์ผู้เป็นภรรยาก็มีอายุ 65 ปี โดยที่ทั้งคู่ไม่มีบุตร แต่พระเจ้าสัญญาว่า จะให้อับราฮัมเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ (ปฐมกาล 12:1-4) นอกจากนี้ท่านยังยอมเชื่อฟังพระเจ้าเมื่อพระองค์บอกให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องถวายบูชาด้วย (ปฐมกาล 22) แต่อับราฮัมก็มีประสบการณ์กับพระเจ้าในเรื่องคำอธิษฐานที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบ….

Q1  ดูเหมือนว่า อับราฮัมได้อธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องของลูกที่จะเกิดมาตามคำสัญญาของพระเจ้า (ปฐมกาล 12) แต่จากคำพูดของอับราฮัมในข้อ 2-3 ที่ว่า “ยังไม่มีบุตรเลย” “พระองค์มิได้ทรงประทานบุตรให้” สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความรู้สึกของอับราฮัมต่อพระเจ้าในการอธิษฐานเรื่องลูกอย่างไรบ้าง?
Q2 คุณเคยรู้สึกเหมือนอับราฮัมที่ต้องรอคอยคำตอบจากพระเจ้าไหม คำสัญญาของพระเจ้าในข้อ 5 และการตอบสนองของอับราฮัมในข้อ 6 หนุนใจคุณอย่างไรในคำอธิษฐานของคุณที่ดูเหมือนไม่มีคำตอบจากพระเจ้า

มีคริสเตียนจำนวนมากที่มักจะอ้างคำพูดของพระเยซูในพระธรรมมัทธิว 7:7-8 ที่กล่าวไว้ว่า  7“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน 8เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” ในการอธิษฐาน แต่สุดท้ายคริสเตียนเหล่านั้นก็พบว่า พระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของเขา…

Q1  ยากอบได้บอกถึงสาเหตุอะไร ที่ทำให้พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา? (สังเกตคำในข้อ 1-3 ประกอบ)
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า เมื่อคุณอธิษฐานและไม่ได้รับคำตอบ เพราะมีสาเหตุเดียวกับที่ยากอบบอกหรือเปล่า? อะไรคือแรงจูงใจในการอธิษฐานของคุณ ใช้เวลานี้อธิษฐานและขอการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่ได้ชื่อว่า รักพระเจ้าสุดหัวใจ และมีความเชื่อในพระเจ้าที่เข้มแข็ง เป็นบุคคลที่พระเจ้ารักและทรงมีพระสัญญาว่า จะให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล มีชื่อเสียงใหญ่โต และมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ (2 ซามูเอล 7:1-16) แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าจะทรงตอบทุกคำอธิษฐานของดาวิด

Q1  คุณคิดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานของดาวิด (ข้อ 18) ทั้งๆ ที่ดาวิดมีความเชื่อ (ข้อ17) และพระเจ้าก็ได้ยินคำอธิษฐานของดาวิด (ข้อ 19)?
Q2 ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า การที่คุณไม่ได้รับคำตอบเมื่ออธิษฐาน เพราะมีสาเหตุเดียวกับดาวิดหรือเปล่า? อะไรคือสิ่งที่คุณ “บ่มไว้ในใจ” ใช้เวลานี้อธิษฐานและขอการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้า

3695/5067