พระคัมภีร์บันทึกว่า ยอห์นเติบโตขึ้นทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร รอเวลาที่พระเจ้ากำหนด (ลูกา 1:80) คือในปีที่ 15 ในรัชากาลของทิเบอัส ซีซาร์ ปอนทิอัสปีลาตเป็นเจ้าเมืองยูเดีย และเฮโรดเป็นเจ้าเมืองกาลิลี ยอห์นได้ออกมาประกาศบริเวณลุ่มแม่น้ำจอร์แดน เรียกร้องให้ประชาชนกลับใจเสียใหม่ และรับบัพติศมา เพื่อพระเจ้าจะทรงโปรดยกความผิดบาปเสีย (ลูกา 3:1-3)

Q1 การปรากฏตัวของยอห์นสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของอิสยาห์ (ข้อ 2-3) อย่างไร? และประชาชนตอบสนองต่อการประกาศของยอห์นอย่างไร? (ดูข้อ 5 ประกอบ)
Q2 ยอห์นทำหน้าที่เหมือนกับรถนำขบวนของกษัตริย์ที่ประกาศให้ทุกคนรู้ล่วงหน้าว่า กษัตริย์กำลังจะเดินทางผ่านมาทางนี้ เพื่อทุกคนจะได้เตรียมตัวต้อนรับ คุณจะทำหน้าที่ประกาศให้ทุกคนรู้ว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมา และพิพากษาโลกใบนี้อย่างไร?

หลังจากที่นางเอลีซาเบธให้กำเนิดลูกชาย และเข้าพิธีสุหนัตเมื่อมีอายุได้ 8 วัน มีคนถามว่า ลูกชายชื่ออะไร นางเอลีซาเบธตอบว่า ชื่อยอห์น แต่บรรดาญาติไม่เห็นด้วย เพราะไม่เคยมีใครชื่อยอห์นมาก่อน จึงให้เศคาริยาห์ผู้เป็นพ่อตัดสินใจ เศคาริยาห์จึงเขียนชื่อ “ยอห์น” ที่กระดานชนวน ทันใดนั้นเศคาริยาห์ก็พูดได้ตามปกติ หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำนายถึงอนาคตของลูกชายของเขาด้วยเดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์

Q1 เศคาริยาห์ได้ทำนายถึงชีวิตของยอห์นผู้เป็นลูกชายของตนไว้อย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 76-77 ประกอบ)
Q2 เศคาริยาห์ได้พูดถึงการเยี่ยมเยียนของพระเจ้า และความรอดที่จะมีมาผ่านพันธสัญญาของพระเจ้าในข้อ 68-73 คุณคิดว่า พระเจ้าทรงเยี่ยมเยียนชีวิตของคุณในแต่ละวันอย่างไร?

วันหนึ่งในขณะที่เศคาริยาห์กำลังทำหน้าที่อยู่ในพระวิหาร มีทูตของพระเจ้ามาบอกกับเศคาริยาห์ว่า นางเอลีซาเบ็ธจะตั้งครรค์ และให้กำเนิดลูกชาย พร้อมทั้งบอกให้เศคาริยาห์ตั้งชื่อว่า “ยอห์น” แต่เศคาริยาห์ไม่เชื่อ ผลคือ เขาต้องเป็นใบ้จนกว่ายอห์นจะเกิด (ข้อ 20) แต่คำทำนายของพระเจ้าก็เป็นจริง “นางเอลีซาเบ็ธตั้งครรภ์” (ข้อ 24)

Q1 พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรที่ให้ยอห์นมาเกิด? (ดูข้อ 14-17 ประกอบ)
Q2 จากพระธรรมสดุดี 51:6 ที่ว่า “ดูเถิด พระองค์มีพระประสงค์ความจริงภายใน เพราะฉะนั้น ขอทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ภายในจิตใจลึกลับของข้าพระองค์” คุณคิดว่า พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรในการที่พระองค์ทรงเรียกคุณให้เป็นคริสเตียน เป็นลูกของพระองค์

มีบทร้อยกรองบทหนึ่งของหลวงวิจิตรวาทการเขียนไว้ว่า

“อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”

ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดการรู้จักบังคับตนเอง จนทำให้เรามองเห็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนอื่น เป็นเหมือนเสี้ยนหนามที่ตำมือให้ได้รับความเจ็บปวด ซึ่งสิ่งนี้เราเรียกว่า “ความริษยา”

Q1 อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการอิจฉาริษยา? (สังเกตคำกิริยา และคำแสดงความรู้สึก ประกอบ)
Q2 ลองคิดทบทวนดูว่า คุณกำลังอิจฉาริษยาใครอยู่บ้าง? อธิษฐานขอพระเจ้าทรงปลดปล่อยคุณจากเรื่องนี้

มีคริสเตียนบางคนอ้างข้อพระคัมภีร์ในเอเฟซัส 5:18 ว่า “และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน” โดยตีความว่า ถ้ากินเหล้าแล้วไม่เมา ก็ไม่ผิดพระคัมภีร์!!! ซึ่งเป็นการตีความที่ผิด และเข้าข้างตัวเองอย่างน่าเกลียดที่สุด เพราะพระคัมภีร์ตอนนี้ ตามมาด้วย “แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ” ซึ่งเปาโลผู้เขียนพยายามเปรียบเทียบว่า คนเมาถูกควบคุมด้วยเหล้า แต่สำหรับเราที่เป็นคริสเตียนควรจะถูกควบคุมด้วยพระวิญญาณ เปาโลไม่ได้สอนว่า “กินเหล้าได้ถ้าไม่เมา” เลยแม้แต่น้อย

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้พูดถึงลักษณะของคนที่กินเหล้า และถูกควบคุมด้วยเหล้าอย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 33-35 ประกอบ)
Q2 ถ้าคุณกำลังต่อสู้กับเรื่องเหล้า อธิษฐานขอพระเจ้าปลดปล่อยคุณจากเรื่องนี้ ถ้าคุณกำลังจะเข้าไปทดลองสิ่งเหล่านี้ อธิษฐานขอพระเจ้าฉุดคุณออกมาจากการทดลอง ถ้ามีพี่น้องหรือคนที่คุณรู้จักดำเนินชีวิตอยู่ในความผิดบาปเรื่องเหล้า ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อเขา

3860/5069