ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์เป็นชีวิตที่ต้องผ่านการคิดไตร่ตรองแล้วเป็นอย่างดี ไม่ได้เกิดขึ้นจากความคิดเพียงชั่ววูบ หรืออารมณ์พาไป พระเยซูคริสต์ก็ตระหนักดีถึงความจริงในข้อนี้ ดังนั้นในพระคัมภีร์ตอนนี้พระเยซูคริสต์จึงท้าทายให้คนที่จะติดตามพระองค์คิดให้หนัก ถ้าอยากจะมีชีวิตที่ติดตามพระองค์

Q1  จากคำตอบที่พระเยซูตอบคนที่มาขอติดตามพระองค์ทั้ง 3 คำตอบ (ข้อ 58, 60, 62) สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีชีวิตที่ติดตามพระองค์อย่างไร?
Q2  คุณคิดว่า คุณได้คิดดีเพียงพอแล้วหรือยัง ที่ตัดสินใจติดตามพระเยซูคริสต์ คุณรู้สึกเสียดายหรือเสียใจหรือไม่ ที่ตัดสินใจมีชีวิตที่ติดตามพระองค์

ถ้ามีคนบอกว่า “ฉันเป็นคริสเตียน” “ฉันเป็นคนที่ติดตามพระคริสต์” แต่เมื่อถูกถามว่า “พระเยซูคริสต์คือใคร?” กลับไม่สามารถตอบได้ คงจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจน่าดู เช่นเดียวกันพระเยซูคริสต์เองก็ทดสอบสาวกทั้ง 12 คนของพระองค์ ด้วยการถามคำถามว่า “แล้วพวกท่านเล่าว่า เราเป็นใคร?”

Q1  คุณคิดว่า คำถามของพระเยซูคริสต์ในข้อ 18 ที่ว่า “คนทั้งปวงพูดกันว่า เราเป็นผู้ใด?” กับคำถามในข้อ 20 ที่ว่า “แล้วพวกท่านเล่าว่า เราเป็นใคร?” นั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อการมีชีวิตที่ติดตามพระคริสต์?
Q2  ถ้าวันนี้พระเยซูถามคุณด้วย “คำถามเดียวกัน” กับที่ถามสาวกทั้ง 12 คน คุณจะตอบพระองค์ว่าอย่างไร?

มีผู้คนเป็นอันมากอยากจะติดตามพระเยซูคริสต์ (ข้อ 4) ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่พระเยซูต้องการมากกว่าคนที่ติดตามพระองค์ คือ “ชีวิต” ชีวิตที่ไม่เพียงแต่ “เดินตาม” แต่เป็นชีวิตที่ “ติดตาม” ซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก เพราะการ “เดินตาม” นั้นไม่จำเป็นต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิต แต่การ “ติดตาม” นั้นจะต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง และมีชีวิตที่เกิดผลด้วย พระเยซูจะตรัสเป็นคำอุปมาเรื่องผู้หว่านพืช?

Q1  คุณคิดว่า พระเยซูอยากให้คนที่ “ติดตาม” พระองค์เป็นเมล็ดพืชที่ตกอยู่ในดินแบบไหน? (ดูข้อ 8, 15 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ของคุณ เป็นชีวิตที่ตกในดินแบบไหน? และเกิดผลดีอย่างไรบ้าง?

ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ ไม่ได้หมายความว่า สายตาของเราจะจับจ้องอยู่ที่พระเยซูคริสต์จนไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบๆ ข้าง ในทางตรงกันข้ามชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ต้องเป็นชีวิตที่ทำให้คนรอบๆ ข้างรู้ว่า ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์เป็นชีวิตที่ห่วงใยผู้อื่นด้วยทั้งในด้านจิตวิญญาณและร่างกาย ในลูกา 6:1-10 สาวกได้สำแดงชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ในการห่วงใยผู้อื่นฝ่ายจิตวิญญาณเป็นอย่างดี และพวกเขากลับมาเล่าให้พระเยซูฟังด้วยความยินดี แต่เมื่อเขาต้องแสดงความห่วงใยฝ่ายร่างกาย ปัญหาก็เกิดขึ้น

Q1  เมื่อพระเยซูกลับบอกให้สาวกว่า “จงเลี้ยงเขาเถิด” ปัญหาที่เกิดขึ้นท่ามกลางสาวกคืออะไร? (ดูข้อ 12-14 ประกอบ)
Q2  พระเยซูทรงใช้ “อาหารที่มีอยู่” คือ ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวในการเลี้ยงคน 5000 คน เช่นเดียวกันพระเยซูไม่ได้เรียกร้องให้เราห่วงใยผู้อื่นจาก “สิ่งที่เราไม่มี” แต่ให้เราห่วงใยผู้อื่นจาก “สิ่งที่เรามี” และพระเจ้าจะอวยพรสิ่งเหล่านั้น คุณคิดว่า คุณจะสำแดงชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ ด้วยสิ่งของที่คุณมีด้วยการห่วงใยผู้อื่นอย่างไร?

ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเกิดในครอบครัวคริสเตียน หรือการได้ไปโบสถ์ ไปร่วมกิจกรรมของคริสเตียน แต่ชีวิตที่ติดตามพระคริสต์เริ่มต้นจากการที่สำนึกได้ว่า ตนเองนั้นเป็นคนบาป และรู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เดียวที่สามารถยกโทษความผิดบาป และเปลี่ยนแปลงชีวิตให้กลายเป็นคนใหม่ได้ ซึ่งชีวิตของผู้หญิงเคยชั่วคนหนึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้

Q1  พระเยซูทรงเปรียบเทียบการกระทำของซีโมนเจ้าของบ้านกับหญิงเคยชั่วว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? (ดูข้อ 44-46 ประกอบ)
Q2  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้การกระทำของซีโมนเจ้าของบ้านกับหญิงคยชั่วจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง? (ดูข้อ 42-43, 47,50 ประกอบ) คุณเรียนรู้อะไรบ้างจากชีวิตของหญิงเคยชั่ว ที่จะสามารถนำไปใช้ในดำเนินชีวิตติดตามพระคริสต์

4165/5670