การเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่คนเราในปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก มีการอบรมการเป็นผู้นำ อบรมวิธีการในการปกครอง การควบคุม การจัดการผู้ที่ติดตามอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะประสบความสำเร็จ และภาพที่เรามักจะชินตาคือ การที่มีคนติดสอยห้อยตามผู้นำ วันนี้เราจะเรียนรู้กันว่า ผู้นำที่ดีสำหรับพระเยซู คือ ผู้นำแบบไหน

Q1  ลองเปรียบเทียบภาพผู้นำในความคิดของยากอบและยอห์น รวมถึงสาวกคนอื่นๆ (ข้อ 35-41) กับภาพของผู้นำในความคิดของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 42-45) ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
Q2  คุณจะนำแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ในการเป็นผู้นำที่ดี ข้อ 45 ไปใช้อย่างไรในชีวิต?

ความร่ำรวย ความมั่งคั่งในชีวิตเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในชีวิตของคนส่วนใหญ่ เพราะนั้นหมายถึง ชีวิตที่สบายขึ้น ชีวิตที่ดีขึ้น ชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ชีวิตที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดำรงชีวิตอยู่ ชีวิตที่ไม่ต้องทุกข์ใจ ชีวิตที่ไม่มีปัญหา ชีวิตที่สามารถสร้างโอกาสได้มากขึ้น ชีวิตที่สามารถทำในสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นได้ง่ายขึ้น ชีวิตที่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ ฯลฯ แต่สำหรับพระเยซูคริสต์ ความร่ำรวยอาจจะไม่เอื้อประโยชน์ในการเป็นสาวกและติดตามพระองค์

Q1  ดูเหมือนว่า เศรษฐีหนุ่ม อยากจะร่ำรวยและมั่งคั่งทั้งด้านการค้าขาย (ข้อ 23) และฝ่ายจิตวิญญาณ (ข้อ20-21) แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกเพียงด้านเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร? ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? (ดูข้อ 23-24 ประกอบ)
Q2  ทรัพย์สมบัติของโลกนี้คือ สิ่งของ เงินทอง ของมีค่าต่างๆ แต่ทรัพย์สมบัติในสวรรค์คือ “ความรอด” “ชีวิตนิรันดร์” ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า “ความรอด” / “ชีวิตนิรันดร์” ของคุณยังอยู่ดีหรือเปล่า หรือถูกแทนทีแล้วด้วยทรัพย์สมบัติของโลกนี้ อธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้าที่คุณจะไม่ตัดสินใจผิดพลาดเหมือนกับเศรษฐีหนุ่มคนนั้น

ชีวิตของคนเราไม่ได้มีแต่ความสุขเสมอ แต่มักจะมีปัญหาให้ต้องคิด ต้องแก้ไขเสมอ และบางปัญหาก็ดูเหมือนว่า จะไม่มีทางออกเอาเสียเลย และการเป็นคริสเตียนก็ไม่ได้ทำให้ปัญหา หรือความทุกข์ในชีวิตหมดไปอย่างสิ้นเชิง ในทางตรงกันข้ามดูเหมือนปัญหาและความทุกข์ยากกลับมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่าเสียอีก ดังนั้นการรู้ว่า พระเยซูเป็นแหล่งแห่งฤทธิ์อำนาจจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเรา

Q1  จากความล้มเหลวของสาวกในการขับผี (ข้อ18) ปฏิกิริยาของเด็กที่ถูกผีสิง (ข้อ 20) ปฏิกิริยาของพ่อของเด็ก (ข้อ 24) และการออกคำสั่งของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 25-26) สะท้อนให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจที่มีในพระเยซูคริสต์อย่างไรบ้าง?
Q2  คุณจะนำคำพูดของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ถ้าช่วยได้ น่ะหรือ ใครเชื่อก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง” มาใช้ในชีวิตอย่างไร เพื่อคุณจะมีโอกาสได้สัมผัสกับฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์

ในสมัยของพระเยซูคริสต์ ไม้กางเขนเป็นอุปกรณ์ลงโทษสำหรับนักโทษที่ทำผิดอย่างรุนแรง เป็นการประหารชีวิตที่ทรมานมาก เพราะต้องถูกตรึงด้วยเหล็กแหลมผ่านมือ หรือข้อมือทั้ง 2 ข้าง และขาทั้งสองข้างจะถูกไขว้เพื่อตรึงด้วยเหล็ก และปล่อยให้เสียชีวิตบนไม้กางเขน โดยผู้ถูกตรึงจะต้องแบกไม้กางเขนของตนไปยังลานประหารด้วยตนเอง และก่อนที่จะถูกตรึงกางเขนจะต้องมีการประกาศ (ประจาน) ว่า คนๆ นั้นได้ทำผิดอะไรมา ซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงบอกกับสาวกว่า พระองค์คือผู้ที่แบกกางเขน

Q1  คุณคิดว่า พระเยซูคริสต์มีท่าทีอย่างไรต่อการเป็น “ผู้แบกกางเขน” ? (ดูข้อ 31, 33, 38 ประกอบ)
Q2  พระเยซูคริสต์ทรงเรียกร้องคนที่จะเป็นสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดจะใคร่ติดตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา” (ข้อ 34) ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า อะไรคือสิ่งที่คุณต้องเอาชนะ (ชีวิตเก่า) และอะไรคือกางเขน (ชีวิตใหม่) ที่คุณต้องแบกตามพระเยซูคริสต์?

ความกลัวถือว่า เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่สำคัญและมีผลกระทบต่อมนุษย์เป็นอันดับที่สอง รองจากความรัก ความกลัวทำให้มนุษย์ทำหลายๆ สิ่งได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้มนุษย์หยุดทำในหลายๆ สิ่งเช่นกัน และเราแต่ละคนก็มีความกลัวในเรื่องที่แตกต่างกันไป บางคนกลัวความมืด บางคนกลัวงู บางคนกลัวความผิดหวัง บางคนกลัวการถูกปฏิเสธ ฯลฯ แต่วันนี้เราจะมาเรียนรู้ด้วยกันว่า พระเยซูทรงเป็นเจ้านายเหนือความกลัวอย่างไร

Q1  คุณคิดว่า สาวกมีเหตุผลอะไรที่หวาดกลัวในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น? (ดูข้อ 37, 38 ประกอบ)
Q2  จากคำถามของพระเยซูในข้อ 40 ที่ว่า “ทำไมเจ้ากลัว เจ้าไม่มีความเชื่อหรือ” และคำพูดของสาวกในข้อ 41 ที่ว่า “ท่านนี้เป็นผู้ใดหนอ จนชั้นลมและทะเลก็เชื่อฟังท่าน” หนุนใจคุณอย่างไรในเรื่องที่คุณกำลังหวาดกลัวอยู่

3685/5067